
คนตื่นสาย กับความสำเร็จที่คนคาดไม่ถึง
บางครั้งเราอาจเคยได้ยินว่าคนที่ตื่นสาย คือคนขี้เกียจ ทำอะไรก็ไม่ทันคนอื่น ไม่มีวินัยมากพอที่จะประสบความสำเร็จได้
“ผู้คนไม่ได้เป็นทุกข์เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เป็นทุกข์เพราะความเห็นของพวกเขาที่มีต่อสิ่งที่เกิดขึ้น”
หนึ่งในประโยคจาก ‘เอพิคเททัส’ (Epictetus) นักปรัชญาสายสโตอิคชาวกรีกโบราณที่เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับความนิยมทางด้านความคิดมากที่สุดได้กล่าวเอาไว้ ซึ่งสำหรับผู้เขียนแล้วนั้นประโยคนี้เป็นการบอกเล่าถึงแนวคิดแบบ ‘สโตอิค’ ได้เป็นอย่างดี
หลายคนอาจเคยได้ยิน ‘ปรัชญาสโตอิค’ (Stoic Philosophy) อย่างหนาหูตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ ว่ากันว่าปรัชญาสายนี้เป็นปรัชญาแห่งความ ‘ช่างแม่ง’ ที่เสนอว่าให้เราสนใจเพียงแค่สิ่งที่เราควบคุมได้ และปล่อยวางกับสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ แต่หลากหลายสื่อออนไลน์ก็ได้นำเสนอว่า ‘สโตอิค’ อาจไม่ใช่เพียงแค่ความ ‘ช่างแม่ง’ อย่างผิวเผินแบบที่ใครหลายคนเข้าใจ หากแต่ยังมีความลึกซึ้งมากกว่านั้นเพราะต้องทำงานกับความคิดและความเป็นไปภายในจิตใจของเรา
‘สโตอิค’ เป็นแนวคิดหนึ่งที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวกรีกที่มีอายุมากกว่า 2 พันปี โดยที่ชื่อ ‘สโตอิค’ มาจาก ‘สโตอา’ (Stoa) สถานที่สอนปรัชญากลางกรุงเอเธนส์
ซึ่งในช่วงเวลาของการเกิดแนวคิดสโตอิคนั้นเป็นช่วงที่ชาวกรีกกำลังยากลำบากท่ามกลางบริบทที่โลกยุคกรีก-โรมันกำลังแตกสลาย ชีวิตของผู้คนกำลังสั่นคลอนในช่วงเวลาที่บ้านเมืองกำลังเกิดการเปลี่ยนผ่านครั้งยิ่งใหญ่ ท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวายที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร
สิ่งที่น่าสนใจอย่างมากคือนักปราชญ์คนสำคัญของสโตอิคอย่าง ‘เอพิคเททัส’ ที่เรายกคำพูดของเขามากล่าวในช่วงต้นนั้น เขามีชาติกำเนิดเป็นทาส ซึ่งนั่นอาจแปลกไปจาก ‘นักปราชญ์’ ในแบบฉบับที่เรามักเข้าใจและมีภาพจำที่ตายตัว โดยที่ปรัชญาสโตอิคนั้นเป็นผู้ที่ได้รับมรดกทางความคิดจาก ‘โสเครตีส’ (Socrates) โดยเฉพาะแนวคิดที่ว่า
ประโยชน์ที่แท้จริงของมนุษย์มาจากคุณค่าภายใน ซึ่งได้แก่ คุณภาพของ ‘จิตใจ’ และ ‘ปัญญา’
ซึ่งใจความสำคัญคือให้เราแยกให้ออกระหว่างสิ่งที่อยู่ในอำนาจของเราและสิ่งที่ไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของเรา
เป้าหมายสำคัญของปรัชญาสโตอิคคือ ‘การรักษาใจ’ ซึ่งหากในโลกนี้มีแนวคิดทางปรัชญามากมายให้เราได้ศึกษา ค้นคว้า และถกเถียง ปรัชญาสโตอิคก็อาจคล้ายเป็น ‘ยาสามัญประจำบ้าน’ ที่ให้เราได้ลองศึกษาและปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน
ใจความสำคัญหลักคือการ ‘จัดการความคิด’ ภายในของตัวเราเอง ซึ่งนั่นจะช่วยลดความกังวลที่เกิดขึ้นได้ สโตอิคบอกกับเราว่าปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นทางใจอาจเป็นเพราะเราให้น้ำหนักกับความคิดบางอย่างมากเกินไปที่ในบางครั้งสิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของตัวเรา
อีกทั้ง ‘ความรู้สึก’ ของเรานั้นยังเป็นสิ่งที่ ‘เลือกได้’ ผ่านการเลือกอย่างสมเหตุสมผล ไม่หวังอะไรจากโลกภายนอกเกินไป และไม่หวั่นไหวเมื่อมีเหตุการณ์รุนแรงอะไรมากระทบ
นั่นอาจกล่าวได้ว่า ทั้งหมดทั้งมวลนั้นอาจไม่ใช่แค่การ ‘ช่างแม่ง’ แล้วจบไปเสียดื้อๆ แต่ยังเป็นการที่ช่วยให้เราได้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นและมากระทบ ได้ทำความเข้าใจกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในว่ามีความเป็นมาอย่างไรอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพราะตัวตนที่แท้จริงของเราคือจิตของเรา ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเราอย่างแท้จริง
ซึ่งเราอาจนำแนวทางของสโตอิคมาดูแลจิตใจของเราได้อย่างเรียบง่าย เช่นดังตัวอย่างต่อไปนี้
นี่คือปรัชญารักษาใจที่เราอยากนำมาฝากทุกท่านในวันนี้ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนสามารถก้าวผ่านวันยากๆ ไปได้ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งไม่อ่อนไหวแม้มีอะไรมากระทบนะคะ
บางครั้งเราอาจเคยได้ยินว่าคนที่ตื่นสาย คือคนขี้เกียจ ทำอะไรก็ไม่ทันคนอื่น ไม่มีวินัยมากพอที่จะประสบความสำเร็จได้
เข้าเดือนธันวามาไม่เท่าไร หน้าจอไทม์ไลน์ก็เต็มไปด้วยโพสต์ที่ถูกแชร์จากมิตรสหายหลายท่านว่าด้วย Spotify Wrapped ที่ย้อนรีแคปเพลงที่แต่ละคนฟังมาตลอดปี 2024 นี้ เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่บอกเล่ากับเราว่า ‘ปีนี้’ กำลังจะผ่านไป และกำลังจะกลายเป็นปีที่แล้วของปีหน้า
เดือนกันยายนวนมาทีไร เนื้อเพลง Wake me up when September ends ของวง Green Day ก็เป็นเพลงที่วนกลับมาให้เราได้ชวนนึกถึงเฉกเช่นเดียวกัน