The Present Move

แบกไว้เต็มบ่า ไม่รู้จะพึ่งใคร รู้จักภาวะ Hyper-independence ใจอ่อนล้าเพราะพึ่งพาตัวเองมากเกินไป

The Present Move | Mindful Global Citizens

ถ้าตอนนี้คุณมีอาการปวดบ่า คอ ไหล่ หากไม่ใช่อาการของออฟฟิศซินโดรม ก็อาจเกิดจากการเป็น ‘เดอะแบก’ ที่คอยแบกรับเรื่องราวปัญหาหรือภาระต่างๆ ไว้จนหนักเต็มบ่า

ในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไว ทุกคนต่างเผชิญกับความท้าทายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดงาน ความกดดันจากสังคมออนไลน์ที่เปรียบเทียบชีวิตของแต่ละคน หรือความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจที่ทำให้รู้สึกไม่มั่นคงในอนาคต ทำให้คนยุคนี้ต้องแบกรับภาระหน้าที่มากมาย ทั้งการดูแลครอบครัว การสร้างฐานะทางการเงิน และการพัฒนาตนเองให้ทันต่อยุคสมัย จึงเลี่ยงไม่ได้กับการเป็น ‘เดอะแบก’ ของครอบครัวและสังคม ทำให้เราต้องแบ่งปันเวลาและพลังงานให้กับหลายสิ่งหลายอย่าง จนบางครั้งอาจรู้สึกเหนื่อยล้าและท้อแท้

หลายคนคงคุ้นเคยกับคำว่า ‘เดอะแบก’ ที่ใช้เรียกคนวัยทำงานรุ่นใหม่ที่ต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบมากมาย แต่รู้หรือไม่ว่าการเป็นเดอะแบกมักมาพร้อมกับ ภาวะการพึ่งพาตนเองมากเกินไป (Hyper-independence) ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการที่จะดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง จนลืมไปว่าการขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นบ้างก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ซึ่งภาวะนี้เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น การถูกเลี้ยงดูให้เป็นคนเข้มแข็ง หรือประสบการณ์ในอดีตที่ทำให้ไม่ไว้ใจผู้อื่น 

คนที่มีแนวโน้มเป็น Hyper-independence มักจะมองว่าการพึ่งพาตนเองเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการหลีกเลี่ยงความผิดหวังหรือเจ็บปวด เช่น การไม่ขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิดหรือการปิดกั้นตนเองจากการรับการสนับสนุนจากผู้อื่น บ่อยครั้งพฤติกรรมนี้มาจากความต้องการที่จะดูเข้มแข็งหรือสมบูรณ์แบบตลอดเวลา

เราสามารถสังเกตตัวเองว่าเป็น hyper-independence ได้จากสัญญาณต่อไปนี้ 

  1. เลือกพึ่งพาตนเองและขอความช่วยเหลือน้อยมาก ผู้ที่มีภาวะ Hyper-independence มักจะหลีกเลี่ยงการขอความช่วยเหลือ เนื่องจากเคยมีประสบการณ์ที่ผิดหวังเมื่อพึ่งพาผู้อื่น และรู้สึกว่าพึ่งตนเองดีที่สุด จนสุดท้ายเริ่มแบกรับทุกอย่างด้วยตนเอง
  2. ไม่ค่อยเปิดใจรับความสัมพันธ์ใหม่ๆ บุคคลเหล่านี้มักมีบุคลิกเก็บตัว (Introvert) แม้จะรู้จักคนมากมาย แต่มีเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คน และหลีกเลี่ยงการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ เนื่องจากไม่ต้องการแบกรับความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับความสัมพันธ์ที่เพิ่มขึ้น
  3. รักความสมบูรณ์แบบ (Perfectionism) เดอะแบกมักตั้งเป้าสำเร็จและทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ไม่ไว้วางใจให้คนอื่นทำ ไว้ใจแค่ตัวเองเท่านั้น นี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่า Perfectionism ในทางจิตวิทยา ความรู้สึกต้องพิสูจน์ตนเองและการต้องได้รับการยอมรับทำให้เราแบกรับความคาดหวังสูงจากตนเอง
  4. เกิดความเครียดและความเจ็บป่วยได้ง่าย การที่ต้องพึ่งพาตนเองในทุกสถานการณ์ทำให้เราต้องเผชิญกับความเครียดอย่างมาก เมื่อเกิดปัญหาจะรู้สึกว่าต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองเสมอ จึงทำให้เครียดและเกิดอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ่อย

อย่างไรก็ตาม การเป็นเดอะแบกที่ต้องแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวอาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าและท้อแท้ใจ แต่ไม่ต้องกังวลไป เรามีวิธีที่จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ 

ลองหาเวลาพักผ่อนหย่อนใจ ทำกิจกรรมที่ชอบ หรือแม้แต่การขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างบ้างก็ไม่ใช่เรื่องผิด การมองโลกในแง่ดีและการปล่อยวางบ้างก็ช่วยลดความเครียดได้มากทีเดียว นอกจากนี้ การสร้างพื้นที่ส่วนตัวเพื่อพักผ่อนและผ่อนคลายจิตใจก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการดูแลสุขภาพใจที่ดี จะช่วยให้คุณมีพลังในการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขมากขึ้น

| เดอะแบก และการสร้างสมดุลในชีวิตให้ลงตัว

สำหรับวัยเดอะแบก หรือผู้ที่ต้องแบกรับทั้งภาระงานและความรับผิดชอบในชีวิต การสร้างสมดุลถือเป็นความท้าทายที่ซับซ้อน การก้าวหน้าในหน้าที่การงาน หรือสร้างความมั่นคงทางการเงินอาจเป็นสิ่งสำคัญ แต่นี่ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต พวกเขายังต้องการสมดุลในด้านอื่นๆ เพื่อให้สามารถรับมือกับความกดดันในชีวิตประจำวันได้ และนี่คือปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เดอะแบกสร้างความสมดุลให้ชีวิตและรับมือกับความกดดันได้ดียิ่งขึ้น

บางคนเติบโตมากับการมีระเบียบวินัยที่ตึงเกินไป จนกลายเป็นเดอะแบกในปัจจุบัน เราอาจต้องรู้จัก ‘พลังของการผ่อนคลายและยืดหยุ่น’ ซึ่งความยืดหยุ่นนี้ไม่เพียงหมายถึงการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป แต่ยังรวมถึงการสังเกตและรับรู้ภาวะอารมณ์ของตนเองด้วย เมื่อรู้สึกว่างเริ่มเหนื่อยหรือเครียดเกินไป การปล่อยวางหรือการถอยออกมาจะช่วยป้องกันไม่ให้ความเครียดลุกลามไปสู่ด้านอื่นๆ การฝึกให้มีความยืดหยุ่นจึงช่วยเสริมสร้างสมดุลที่ทำให้รับมือกับภาระได้ดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้น

และหนึ่งในแหล่งพลังที่สำคัญสำหรับวัยเดอะแบกคือ การได้รับความเข้าใจและการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนสนิท การที่มีคนใกล้ชิดคอยรับฟังและเข้าใจ ทำให้ความกดดันที่หนักอึ้งลดลงได้บ้าง การสนับสนุนนี้ควรครอบคลุมทั้งด้านอารมณ์และการช่วยเหลือในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระงานหรือการอยู่เคียงข้างกันในยามที่เหนื่อยล้า สิ่งเหล่านี้ช่วยให้เดอะแบกไม่รู้สึกโดดเดี่ยว และสร้างพลังใจให้พร้อมรับมือกับภาระชีวิตที่หลากหลาย

สุดท้ายคือ เล่าสู่กันฟังก็ไม่เสียหาย การสื่อสารที่ดีและตรงไปตรงมาเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างสมดุล ลองเปิดใจแบ่งปันความรู้สึกและประสบการณ์ที่เจอในชีวิตประจำวันกับคนใกล้ชิด การพูดคุยนี้ไม่ได้จำกัดแค่เรื่องใหญ่ๆ แต่อาจรวมถึงการแชร์เรื่องเล็กๆ ในชีวิต เพราะการสื่อสารที่ไม่เพียงช่วยลดความห่างเหิน แต่ยังสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน และทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากขึ้น การได้คุย ได้ระบายจะกลายเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจที่สำคัญ และช่วยลดความหนักของภาระในชีวิต

ท้ายที่สุด การเป็น ‘เดอะแบก’ ที่ต้องเผชิญกับภาระต่างๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การหาวิธีสร้างสมดุลในชีวิตด้วยความยืดหยุ่น การได้รับการสนับสนุนจากคนใกล้ชิด และการสื่อสารที่เปิดใจ จะช่วยให้เรารับมือกับความกดดันได้อย่างมีประสิทธิภาพ การแบ่งปันความรู้สึก การปล่อยวาง และการดูแลสุขภาพกายใจของตัวเอง จะช่วยให้เราผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ และรู้สึกเบาใจจากการแบกภาระเหล่านั้น ความสุขและความสำเร็จในชีวิตจึงไม่ใช่เพียงเป้าหมายที่ไกลตัว แต่เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้จริงเมื่อรู้จักดูแลตัวเองและเปิดรับการช่วยเหลือจากคนรอบข้าง

การเป็นเดอะแบกของทุกคนย่อมมีขีดจำกัด และเราไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งเสมอไป

เป็น ‘ตัวเอก’ ในแบบที่เป็น ‘ตัวเอง’ ชวนรู้จัก Main Character Energy แนวคิดที่บอกว่าเราทุกคนสามารถเป็นตัวเอกในเรื่องราวที่เราขีดเขียนขึ้นมาเองได้

เคยไหม? ตื่นเช้ามาแล้วออกจากบ้านไปทำงานด้วยเอเนอร์จี้ที่ว่าฉันคือนางเอกในซีรีส์และเชื่อว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดี หรืออาจเคยนึกภาพตัวเราเองที่โดดเด่นท่ามกลางผู้คนหลากหลาย