The Present Move

YOLO : Please Handle with Care เพราะเรามีแค่ ‘ชีวิตเดียว’ จึงควรใช้ให้คุ้มค่า

The Present Move | Mindful Global Citizens

“You only live once.” 
เพราะเรามีแค่ชีวิตเดียว 

เคยสะดุดตากับคำว่า Fragile บนกล่องบรรจุพัสดุไหม?

โดยเฉพาะบนกล่องที่บรรจุสิ่งของที่เปราะบาง แตกร้าวได้ มักมีข้อความเตือนให้ระวังว่า  Fragile, Please Handle with Care แตกสลายได้ โปรดหยิบจับอย่างระมัดระวัง หรือถ้าเป็นภาษาไทยง่ายๆ ก็คือ ระวังของแตก นั่นเอง 

เมื่อเห็นคำว่า Fragile ผู้เขียนอดไม่ได้ที่จะเชื่อมโยงคำนี้เข้ากับชีวิตของคนเรา เพราะ ‘Fragile’ แปลว่า ‘เปราะบาง’ หรือ ‘แตกสลายได้’ ไม่ต่างอะไรกับชีวิต เพียงพริบตาเดียวอาจแตกสลายและเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

ชั่วพริบตา เปลี่ยนจากรัก เป็นเกลียด
ชั่วพริบตา เปลี่ยนจากโกรธ เป็น เข้าใจ
ชั่วพริบตา เปลี่ยนจากยังมีลมหายใจ เป็น หมดลมหายใจไปตลอดกาล


สำหรับผู้เขียน ‘ชีวิต’ จึงเปรียบเหมือนกล่องพัสดุที่บรรจุสิ่งเปราะบางพร้อมแตกสลาย หากไม่ระมัดระวังให้ดี 

ความเปราะบางนี้เองที่ทำให้ชีวิตมีคุณค่า เพราะเราไม่เคยมั่นใจได้เลยว่าวินาทีถัดไปเราจะยังมีลมหายใจอยู่ไหม ปัจจุบันขณะจึงเปรียบเหมือนของขวัญที่หากปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่ทำอะไรก็คงน่าเสียดาย

ผู้ที่มองเห็นความเปราะบางของชีวิต จึงให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตให้เต็มที่ ในเมื่อเรามีเพียงชีวิตเดียว ต้องใช้ให้คุ้มค่า เพราะไม่รู้ว่าจะหมดโอกาสวันไหน ซึ่งนี่จึงอาจเป็นที่มาของคำว่า YOLO ที่ย่อมาจาก You only live once – เรามีแค่ชีวิตเดียว

บทความนี้จึงอยากชวนทุกคนเดินทางตามหาความหมายที่แท้จริงของการใช้ชีวิต ในเมื่อทุกคนล้วน YOLO แล้วเราจะทำอย่างไร ให้ ‘ชีวิตเดียว’ มีความหมาย มีคุณค่าและไม่เป็นภัยกับใคร โดยเฉพาะกับใจของเราเอง

| เสี่ยงให้สุด VS สุขให้สุด? เพราะเรามีชีวิตเดียว

Cambridge Dictionary นิยามความหมายของ YOLO ซึ่งเป็นตัวย่อของ You only live once. ไว้ว่า การกระทำเพื่อความสุข ความตื่นเต้น แม้ว่าการกระทำนั้นจะดู ไร้สาระหรืออาจนำมาซึ่งอันตราย ซึ่งคำนี้เป็นที่นิยมใช้กันในโซเชียลมีเดีย 

หากอิงตามนิยามนี้คำว่า YOLO คงไม่ต่างอะไรจากพฤติกรรมคึกคะนอง ที่ทำไปโดยขาดการยั้งคิด ไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา ซึ่งหากมองในแง่นี้ แน่นอนว่า YOLO คงเป็นเพียงข้ออ้างที่จะใช้ชีวิตสุดโต่ง

ขณะที่อีกด้านหนึ่ง YOLO ถูกนิยามไว้ว่าเป็นการใช้ชีวิตแบบสุขนิยม ที่ให้ความสำคัญกับความสุข สะดวกสบาย หลีกเลี่ยงความทุกข์ ความเจ็บปวด หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นการใช้ชีวิตเชิงบวก ด้วยการแสวงหาความสุขและความพึงพอใจในสิ่งที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ หรือการเลือกทำสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมายมากยิ่งขึ้น 

| ไม่ FOMO เพราะเรา YOLO

YOLO แบบสุขนิยม และ FOMO (Fear of Missing Out) มีความคล้ายคลึงกันในแง่ของการแสวงหาความสุขหรือประสบการณ์แบบทันทีทันใด 

ทั้งสองแนวคิดนี้มักกระตุ้นให้คนเราตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ เพื่อไม่พลาดโอกาสหรือประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบระยะยาว 

คนที่ FOMO อาจเข้าร่วมกิจกรรมหรือเหตุการณ์ต่างๆ เพียงเพราะกลัวว่าจะพลาดบางสิ่งไป เช่น อาจต่อแถวรอซื้อของที่อยู่ในกระแสนานหลายชั่วโมง ทั้งที่ลึกๆ แล้วไม่ได้ต้องการหรือไม่ได้ชอบสิ่งนั้น แต่ทำไปเพราะกลัวตกเทรนด์ กลัวไม่เป็นที่ยอมรับของเพื่อนๆ 

ในขณะที่ YOLO อาจทุ่มรูดบัตรเครดิตจนเต็มวงเงิน เพื่อซื้อสิ่งของที่ต้องการแบบจัดเต็ม โดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่ตามมา ทั้ง FOMO และ YOLO แบบสุขนิยม มักเลือกความสุขที่เกิดขึ้นแบบทันทีทันใด เพื่อไม่ให้พลาดโอกาส แต่มักลืมคำนึงถึงผลที่จะตามมาภายหลัง

YOLO ในแง่สุขนิยมที่แท้จริง จึงไม่ได้หมายถึงการทำตามใจตัวเองอย่างไร้ขอบเขตเพียงเพราะชีวิตสั้น แต่คือการใช้ชีวิตอย่างมีสติ โดยพิจารณาว่าความสุขที่เรามุ่งหวังนั้นเป็นความสุขที่ยั่งยืนและไม่ส่งผลร้ายต่อตนเองและผู้อื่น การใช้ชีวิตเพียงครั้งเดียวจึงควรเป็นการเลือกทำสิ่งที่ดีที่สุดในแต่ละช่วงเวลา เพื่อนำพาความสุขที่แท้จริงและยั่งยืนมาสู่ชีวิตต่างหาก  

เมื่อเข้าใจความหมายของความสุขที่เราควรแสวงหาในชีวิตเดียวของเราแล้ว ก็น่าจะทำให้มองเห็นความแตกต่างระหว่าง YOLO กับ FOMO ได้ไม่ยาก 

ขณะที่ YOLO ย้ำเตือนว่าเวลาในชีวิตมีจำกัน และเชิญชวนให้เราสร้างคุณค่าให้กับชีวิตเดียวที่มีอยู่ แต่ FOMO คือความกังวล กลัวตกกระแส กลัวตกเทรนด์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล ทำให้เสพติดการใช้สื่อออนไลน์ จนกระทบชีวิตประจำวันและกลายเป็นทุกข์ FOMO สร้างความกังวลใจและความไม่พอใจในชีวิต เพราะรู้สึกเหมือนกำลังพลาดประสบการณ์หรือโอกาสที่คนอื่นมีอยู่ตลอดเวลา ชีวิตแบบ FOMO อาจทำให้เราไม่สามารถชื่นชมกับสิ่งที่เรามีอยู่ ณ ขณะนั้น แต่กลับหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่คิดว่าตนเองกำลังขาดหาย ทำให้พลาดความสุขที่แท้จริงในปัจจุบัน

| YOLO, Please Handle with Care

หากชีวิตเปรียบเสมือนกล่องที่บรรจุสิ่งที่เปราะบางภายใน กล่องนี้อาจดูแข็งแกร่งจากภายนอก แต่ความจริงแล้ว สิ่งที่อยู่ข้างในนั้นละเอียดอ่อน พร้อมจะแตกสลายได้หากไม่ดูแลหรือปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง เช่นเดียวกับชีวิตของมนุษย์ ที่ดูเหมือนมั่นคงแข็งแรง แต่ความจริงแล้วแสนเปราะบาง ทั้งด้านความรู้สึก ความสัมพันธ์ หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นชั่วพริบตาและเปลี่ยนชีวิตเราตลอดไป

การใช้ชีวิตตามแนวคิด YOLO ให้คุ้มค่าที่สุดคือ การเลือกทำสิ่งที่มีความหมายสำหรับตัวเราเอง 

YOLO ไม่ใช่การทำทุกสิ่งเพราะกลัวพลาดแบบ FOMO หรือเลือกรับแต่สิ่งที่เป็นความสุขแบบสุขนิยมเท่านั้น

หัวใจสำคัญของ YOLO คือการเลือกสิ่งที่สำคัญกับชีวิตเราจริงๆ  

เพราะ YOLO มาจากคำว่าเต็มว่า You only live once. คุณมีเพียงชีวิตเดียว 

และเวลาในชีวิตก็มีจำกัด ผู้ที่รู้จักตัวเอง เข้าใจว่าตนเองต้องการอะไรเท่านั้น จึงจะสามารถใช้ชีวิตเดียวที่มีนี้ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด เพราะพวกเขารู้ว่าควรเลือกให้ความสำคัญกับสิ่งที่มีความหมาย
ต่อชีวิตจริงๆ 

ลองจินตนาการว่าคุณต้องเดินไปข้างหน้าพร้อมถือกล่องพัสดุกล่องใหญ่ ในการเดินทางของชีวิตนี้ คุณมีโอกาสเลือกหยิบสิ่งสำคัญเพียง 3 สิ่งที่มีคุณค่าที่สุดใส่ลงไปในกล่อง คุณต้องค่อยๆ ไตร่ตรองว่าอะไรสำคัญ เพราะพื้นที่ในกล่องมีจำกัด คุณอาจเลือก ความรัก, ครอบครัว, และ สุขภาพ เพราะเป็นสิ่งที่คุณให้ความสำคัญ แต่ละคนอาจเลือกสิ่งที่ต่างไปตามการให้ความสำคัญในชีวิต แต่ที่แน่ๆ คือ ทุกคนต้องถือกล่องนี้ไว้ตลอดการเดินทางของชีวิต ด้วยความระมัดระวัง เพราะทุกสิ่งที่เราเลือกจะมีผลกระทบต่ออนาคตของเรา 

YOLO จะมีความหมายก็ต่อเมื่อเราเลือกสิ่งที่สำคัญจริงๆ ใส่ลงไปในกล่องใบนั้น หากเราให้ความสำคัญกับครอบครัว แต่เลือกหยิบความตื่นเต้นเร้าใจใส่ไปในกล่องเพราะกลัว FOMO เราก็อาจต้องอยู่กับความผิดพลาดนั้นไปตลอดชีวิต


เพราะในเมื่อมีเพียงชีวิตเดียว การให้ความสำคัญกับทุกการตัดสินใจและผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น ไม่ทำเพราะต้องการสนุกหรือตามกระแส  ใช้ชีวิตอย่างมีสติ สร้างสมดุลระหว่างการแสวงหาความสุขในปัจจุบันกับการคิดถึงอนาคต เข้าใจว่าชีวิตเปราะบาง  และใส่ใจกับสิ่งที่เราคัดสรรใส่ลงไปในกล่อง ย่อมทำให้ชีวิตเดียวของเรามีความหมาย


สุดท้ายแล้ว YOLO จึงอาจไม่ใช่การทำหรือไม่ทำอะไร แต่เป็นการเลือกอย่างใส่ใจว่าเราจะใส่อะไรลงไปในกล่องอันเปราะบางที่ทุกคนมีโอกาสดูแลเพียงครั้งเดียวต่างหาก 

“แค่เชื่อว่าทำได้ ก็สำเร็จไปครึ่งทาง” จริงไหม? Manifestation หลักความเชื่อว่าจักรวาลจะอยู่ข้างเราด้วยการ ‘เชื่อ’ ว่าเราดีพอ จะทำให้เรากล้าพาตัวเองไปถึงจุดหมายต่างๆ

Manifestation หลักความเชื่อว่าจักรวาลจะอยู่ข้างเราด้วยการ ‘เชื่อ’ ว่าเราดีพอ จะทำให้เรากล้าพาตัวเองไปถึงจุดหมายต่างๆ

เมื่อกายและใจเหนื่อยล้า ‘การเดินเข้าป่า’ อาจพบคำตอบ Forest Bathing การอาบป่าที่ชวนพาใจให้กลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะ

ในช่วงเวลาดีๆ อากาศเป็นใจ เราอยากชวนทุกท่านปลดปล่อยสัมภาระ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด ก่อนที่จะก้าวเท้าเข้าป่าไปสำรวจโลกใบใหม่ไปกับเรา