The Present Move

ปัจจุบันขณะคืออะไร และจะทำอย่างไรให้เราอยู่กับปัจจุบันขณะ

The Present Move | Mindful Global Citizens

ปัจจุบันขณะคืออะไร?

ถ้าเราถามไป หลายคนคงตอบในใจไปทันทีเลยว่า ‘เดี๋ยวนี้’ ‘ตอนนี้’ หรือ ‘ก็ปัจจุบันนี้ไง’ (ถามอะไรแปลกๆ)

เอาเข้าจริงคำถามว่าด้วยนิยามของ ‘ปัจจุบันขณะ’ เหล่านี้ ค่อนข้างจะนามธรรมหรือออกจะเป็นการถกเถียงในเชิงปรัชญาสักหน่อย หากจะว่ากันด้วยความหมายของมันจริงๆ

แต่ว่าก็ว่าเถอะ แม้ว่านิยามของคำว่า ‘ปัจจุบันขณะ’ จะยังคงเป็นที่ถกเถียงกันว่าสารัตถะของมันคืออะไรกันแน่ เป็นเพียงสิ่งที่คั่นกลางระหว่าง ‘อดีต’ และ ‘อนาคต’ เท่านั้นหรือเปล่า

‘สิ่งที่อยู่ตรงหน้า ตอนนี้ เวลานี้’ อาจเป็นการกล่าวถึงหน้าตาของปัจจุบันขณะอย่างง่ายที่สุด ที่เราจะสามารถเห็นภาพและรับรู้ถึงสัมผัสได้อย่างชัดเจน

และถึงอย่างนั้น เพียง ‘อะไรที่อยู่ตรงหน้า’ ก็อาจเป็นสิ่งที่เราเองหลงลืมมันไปอย่างง่ายดายเสียเหลือเกิน (และกว่าจะรู้ตัวว่าเผลอไผลและหลงลืมมันไปสิ่งนี้ก็กลายเป็นอดีต และเราเองก็อดที่จะโอดครวญไม่ได้ว่า กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว)

ท่ามกลางโลกปัจจุบันที่วุ่นวาย มีทั้งความหลากหลาย และอะไรๆ มากมายที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เหล่านั้น ก็ย่อมทำให้ผู้คนใช้ชีวิตอย่างรีบเร่งเพื่อวิ่งตามความฝันและไขว่คว้าหาความสำเร็จ กระทั่งกลายเป็นความกังวลและความกดดันอยู่ภายในจิตใจ ซึ่งเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความเครียดและปัญหาทางด้านจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในสังคมหลายคนกำลังเผชิญอยู่นั้น มีสาเหตุหลักสำคัญมาจากโลกที่หมุนไวเกินไปจนเราตามตัวเองไม่ทันนั่นเอง สิ่งเหล่านั้นเกิดเป็นความไม่แน่นอนที่สะท้อนดังอยู่ในจิตใจ และแทบไม่มีใครสักคนผ่านมาได้ยินเสียงเหล่านั้นเลยสักคน

วันนี้เราจึงอยากชวนทุกคนที่ผ่านเข้ามาเห็นโพสต์นี้ ได้ลองกลับมาฝึกทำอะไรง่ายๆ เพื่อให้เรากลับมาเรียนรู้และอยู่กับปัจจุบันขณะ ละทิ้งความกังวลและความกดดันลงไป แล้วมาปล่อยใจไปด้วยกันนับตั้งแต่วินาทีนี้

| กำหนดลมหายใจ (Breathing)
เพื่อจดจ่อกับเพียงกับลมหายใจเข้าและลมหายใจออกตรงหน้า

ในแต่ละวันที่เราต้องเผชิญกับเรื่องราวต่างๆ มากมาย แม้ว่าจะกลับมาถึงบ้านแล้ว แต่ใจยังอาจจดจ่ออยู่กับความคิดต่างๆ โดยไม่สามารถปล่อยวางและพาตัวเองออกจากห้วงอารมณ์เหล่านั้นได้ ลมหายใจจึงเป็นหนึ่งในวิธีที่ร่างกายของเราสรรสร้างให้เรารับรู้ และให้เราได้กลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะ ซึ่งจะช่วยให้จิตใจสงบลงและคลายกังวลได้นั่นเอง

เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเบือนหน้าหนี เรามักจะคุ้นชินการกำหนดลมหายใจในฐานะการทำสมาธิที่ต้องนั่งท่ายากๆ แถมยังชวนปวดหลังใช่ไหม แต่อันที่จริงแล้ว เราสามารถกำหนดลมหายใจเพื่ออยู่กับปัจจุบันขณะได้อย่างง่ายดายกว่านั้นเสียอีก อาจเป็นการนั่งพิงเก้าอี้ที่นั่งสบายๆ ด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย หรือกระทั่งเอนกายลงบนเตียง แล้วกำหนดลมหายใจเป็นอย่างสุดท้ายก่อนเข้านอนก็ย่อมได้

‘การรับรู้ลมหายใจ’ มหัศจรรย์กว่าที่คิด เพราะนี่คือการนำพา ‘การรับรู้’ ของเรากลับมาอยู่ที่ลมหายใจ ด้วยการหลับตาลง หายใจยาวๆ โดยรับรู้ผ่านจมูกและช่องท้อง จากนั้นปล่อยให้ลมหายใจเข้ากระบังลมไป ก่อนที่จะหายใจออกมา ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกและสัมผัสได้ถึงความเบาบางของใจก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลายราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก

| รู้เท่าทันความรู้สึก (Feeling)
โดยระบุได้ว่าตอนนี้กำลังรู้สึกอะไรอยู่

เคยเป็นกันไหม? หนักอึ้งไปทั้งใจ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าตอนนี้กำลังรู้สึกอะไรอยู่

โกรธไหม เศร้าหรือเปล่า ที่เป็นอยู่กำลังเสียใจใช่ไหมนะ

หลากหลายความรู้สึกที่ตลบอบอวล โดยไม่อาจบอกได้ว่าเรากำลังเป็นอะไรอยู่ รู้เพียงแค่ปัญหาที่กำลังเผชิญมันช่างหนักอึ้งเหลือเกิน

อายุก็ไม่น้อยแล้ว แม้จะเผชิญโลกมาบ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถรู้เท่าทันอารมณ์และความรู้สึกที่ก่อกวนภายในใจได้อย่างตลอดรอดฝั่งเสียที

วันนี้เราจึงอยากชวนทุกคนมาลองทำอะไรบางอย่าง ที่จะช่วยให้สามารถอธิบายความรู้สึกของตัวเราเองในตอนนี้ได้

เริ่มจากการหยิบดินสอหรือปากกาพร้อมกระดาษมาสัก 1 แผ่น โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก จับเวลาสัก 10-15 นาที พร้อมปล่อยใจและละเลงความคิดที่อยู่ภายในใจออกไปโดยไม่ต้องบรรจงหรือเติมแต่ง อาจเริ่มต้นด้วยประโยคง่ายๆ อย่าง “วันนี้ของฉันเป็นยังไงบ้าง” “ความรู้สึกของฉันในตอนนี้คือ…” หรือ “เหตุการณ์ที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจวันนี้มาจาก…” เป็นต้น

การเขียนโดยไม่คิดอะไรเช่นนี้เรียกว่า ‘Free Writing’ ซึ่งการปลดปล่อยความรู้สึกผ่านปลายปากกาเช่นนี้ จะทำให้คุณได้ค้นพบอะไรบางอย่างที่ตกตะกอนอยู่ภายในใจได้อย่างน่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว

หากอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้ว คุณเองก็น่าจะพอรู้สึกได้ว่า 2 วิธีที่เราได้ยกตัวอย่างไปข้างต้นนี้ เป็นอะไรที่ดูธรรมดาและเรียบง่ายมากๆ แต่ถ้าหากได้ลองทำแล้ว ขอการันตีเลยว่า อย่างน้อยนั่นจะเป็นการทำให้คุณได้อยู่กับปัจจุบันขณะได้อย่างดีที่สุด

เพราะการรับรู้ว่าปัจจุบันขณะของตัวเองเป็นอย่างไร หรือการเข้าใจและสามารถรับมือได้อย่างทันท่วงทีกับความรู้สึกที่กำลังถาโถมอยู่นั้น ล้วนเป็นหนทางที่จะทำให้เราได้กลับมาอยู่กับสิ่งสำคัญตรงหน้า มีสติและรู้ตัวถึงปัจจุบันขณะที่กำลังเผชิญอยู่ ซึ่งจะพัฒนาต่อยอดไปถึงการมีจิตใจที่เข้มแข็ง มีอารมณ์ที่มั่นคง รู้เท่าทันอารมณ์และความรู้สึก รวมทั้งยังทำให้มีทักษะในการรับมือต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเปลี่ยนแปลงหมุนเวียนไปตามความปรวนแปรของโลกในทุกวันนี้อีกด้วย

Writer | ภาพตะวัน 

Illustrator | Arunnoon

เน้นซื้อ ไม่เน้นอ่าน ชวนรู้จัก ‘Tsundoku’ ศิลปะแห่งการดองหนังสือที่แค่ได้ซื้อก็รู้สึกดี 

ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจลิสต์รายชื่อหนังสือที่ต้องการ เพื่อบุกงานหนังสือฯ เติมสต๊อกหนังสือใหม่เข้ากองดอง แต่เมื่อหันกลับมามอง เฮ้ย ที่ซื้อมาก่อนยังไม่ได้อ่าน

แบกไว้เต็มบ่า ไม่รู้จะพึ่งใคร รู้จักภาวะ Hyper-independence ใจอ่อนล้าเพราะพึ่งพาตัวเองมากเกินไป

ถ้าตอนนี้คุณมีอาการปวดบ่า คอ ไหล่ หากไม่ใช่อาการของออฟฟิศซินโดรม ก็อาจเกิดจากการเป็น ‘เดอะแบก’ ที่คอยแบกรับเรื่องราวปัญหาหรือภาระต่างๆ ไว้จนหนักเต็มบ่า

วิธีกลับมาหาปัจจุบันขณะของ ดุจดาว วัฒนปกรณ์ นักบำบัดผ่านการเคลื่อนไหวที่อยู่ในวงการมา 15 ปี

ใครที่อยู่คุ้นเคยกับการดูละครเวที อาจรู้ว่าเธอคือหนึ่งในนักแสดงกลุ่ม B-Floor แต่สำหรับคนที่เคยฟังพอดแคสต์แนวดูแลจิตใจที่เธอเคยเป็นผู้ดำเนินรายการ