ไม่มีมนุษย์คนไหนบนโลก ไม่เคยถูกเกลียด และแม้จะเป็นมนุษย์ที่ล้อมรอบไปด้วยคนที่รักและเอ็นดูมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่ทุกคนจะรักเราอยู่ดี
นี่คือความปกติธรรมดาที่การโคจรมาพบกันตามแรงเหวี่ยงของโลก เป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงได้ยากว่าหากมีคนรัก ก็ต้องมีคนเกลียด หากมีคนชอบ ก็ต้องมีคนไม่ชอบ อยู่ที่ว่าเราจะ “กล้าที่จะถูกเกลียด” และ “ยอมรับว่าไม่ใช่คนทั้งโลกที่ชอบเรา” กันได้หรือไม่?
บางคน เมื่อมีคนมาเกลียดทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรผิดก็พยายามเปลี่ยนตัวเอง เพื่อให้คนที่เกลียดหันกลับมารักเพราะอยากมีคุณค่าในสายตาคนอื่น จนลืมไปว่าตัวเรานั้นมีคุณค่ามากพออยู่แล้ว โดยไม่ต้องรอให้ใครมายืนยัน
ซึ่งความกลัวที่จะถูกชังหรือถูกปฏิเสธจากสังคม ลึกๆ แล้ว อาจมาจากการขาดความรักที่มีต่อตนเอง และนั่นทำให้เราโหยหาความรักจากผู้อื่น ซึ่งมนุษย์ทุกคนต่างเคยอยู่ในสภาวะนี้กันอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต เพราะไม่มีทางที่เราจะเข้มแข็งกันได้ทุกวัน
ถึงอย่างนั้น ถ้าเราทำความเข้าใจและมีทักษะน้อมรับการกล้าที่จะถูกเกลียด หรือยอมรับได้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนทั้งโลกจะชอบเรา มันจะช่วยให้เราหลุดพ้นจากวังวนความเศร้า หรือโทษตัวเองได้ไวขึ้น เพราะบางครั้งการที่มีคนมาไม่ชอบเรา แค่เพราะเราเป็น ‘เรา’ แม้เราจะยังไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เราก็ยังสามารถลุกขึ้นเพื่อไปต่อได้ไว นั่นอาจหมายถึง เราไม่ได้สูญเสียตัวตนเพื่อทำให้คนอื่นพอใจ และเรากำลังยืนหยัดในการเป็นตัวเองได้อย่างแข็งแกร่งมากเลยทีเดียว
หนังสือขายดีของญี่ปุ่นที่ชื่อว่า ‘The Courage to Be Disliked’ โดยนักเขียนอิชิโร คิชิมิ (Ichiro Kishimi) และฟุมิทะเกะ โคกะ (Fumitake Koga) เน้นย้ำถึงการยอมรับให้ได้ว่าเราอาจจะถูกไม่ชอบจากใครสักคนอยู่ตลอด
ซึ่งข้อความหนึ่งในหนังสือกล่าวว่า “การถูกใครบางคนไม่ชอบเป็นข้อพิสูจน์ว่า คุณกำลังดำเนินชีวิตไปอย่างมีอิสระ และเป็นสัญญาณว่าคุณกำลังใช้ชีวิตตามหลักการของคุณเอง” เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้คนอื่นมาชอบ เมื่อนั่นแปลว่าชีวิตของคุณกำลัง ‘ไม่มีอิสระ’
มี 2 ประโยคจากหนังสือที่เราชอบและคิดว่า ถ้าทุกคนคิดตาม น่าจะทำให้มองเห็นอะไรมากขึ้น คือ
หนึ่ง “การได้รับการยอมรับจากคนอื่น แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่น่ายินดี แต่มันคงจะผิดถ้าจะบอกว่าการได้รับการยอมรับนั้นเป็นเรื่อง ‘จำเป็น’ อย่างยิ่ง”
และสอง “การปรารถนาอย่างหนักเพื่อให้เป็นที่ยอมรับจะนำไปการมีชีวิตที่ทำตามความคาดหวังของคนอื่นที่ต้องให้คุณเป็น ‘แบบนั้น’ หรืออาจพูดได้ว่า คุณได้ทิ้งตัวตนจริงๆ ของคุณไปและใช้ชีวิตของคนอื่นอยู่แทน”
เมื่อครั้งที่เรากลัวการที่จะถูกเกลียด หรือกลัวที่จะมีคนมาไม่ชอบ มันมีเหตุผลตามมาเสมอ บางคนอยากเป็นที่รักเพราะถูกแกล้ง ถูกเหยียด ถูกเลือกปฏิบัติ ถูกทิ้ง ถูกเมิน ถูกทำให้ตั้งคำถามว่า
“เราดีไม่พอเหรอ?” และถ้าคุณคิดว่าคุณเป็นหนึ่งเดียวบนโลกที่กลัวการถูกเกลียด ไม่ใช่หรอก คุณไม่ได้โดดเดี่ยว แต่ยังมีอีกหลายชีวิตที่ประสบปัญหาทางความรู้สึกแบบเดียวกับคุณอยู่
ดร.อิลโลนา เจราเบค (Ilona Jerabek) จาก PsychTests. บริษัทผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการการประเมินทางจิตวิทยา ได้กล่าวถึงความจริงที่ว่า “พวกเราส่วนใหญ่จะรู้สึกแย่อยู่บ้าง ถ้าเรารู้ว่ามีคนกำลังไม่ชอบ มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้มากๆ แต่ถ้าคุณพยายามอย่างมากที่จะเป็นที่ชื่นชอบให้ได้ เช่น ยอมเปลี่ยนตัวเอง รู้สึกหัวเสียมาก เจ็บปวดมาก และโกรธมาก เวลามีคนมาไม่ชอบ นั่นแปลว่าคุณกำลังมีปัญหาเรื่องการอยากเป็นที่ยอมรับ” ซึ่งนั่นอาจหมายความว่าเราอาจกำลังขาดความรักให้
‘ตัวเอง’
เธอเสริมต่อว่า “ใช่ มันรู้สึกดีแหละเมื่อมีคนมารักเรา ยอมรับในแบบที่คุณเป็น ทำให้คุณรู้สึกพิเศษ และอาจจะเติมเต็มช่องว่างทางความรู้สึกให้ได้ แต่มันคงไม่มีอะไรที่เป็นพลังยิ่งใหญ่ ที่จะทำให้ใจเราดีขึ้น และเติมเต็มเราได้เท่า ‘การรักตัวเอง’ หรอก”
เพื่อให้กลับมารักตัวเองได้แม้ในวันที่มีคนมาเกลียดหรือไม่ชอบ คงถึงเวลาที่ต้องมาสำรวจกันหน่อยว่า เบื้องหลังความไม่ชอบนั้นมาจากอะไร หากเขาไม่ชอบ เพราะเราทำ ‘ผิด’ นั่นก็ถึงเวลายอมรับ เพื่อแก้ไขมันให้ถูก กล่าวขอโทษในสิ่งที่ผิดไป และพร้อมเรียนรู้จากข้อผิดพลาดนั้น จะได้ไม่เกิดความผิดพลาดขึ้นมาอีก แต่หากเขาไม่ชอบเราเพราะแค่เราเป็นเรา โดยไร้ซึ่งเหตุผล เราคงต้องคิดต่อว่า แม้ว่าเราจะทำตัวให้เขาชอบมากแค่ไหน แต่ก็มีโอกาสที่เขาจะไม่ชอบเราอยู่เหมือนเดิม เพราะเขาเริ่มต้นจากการไม่ชอบเรา โดย ‘ไม่มี’ เหตุผลตั้งแต่แรก อาจจะแค่ไม่ชอบหน้า อาจจะแค่ไม่ชอบท่าทาง หรืออาจจะแค่ไม่ชอบที่เป็นเรา ซึ่งเราก็ไม่สามารถห้ามความคิดของเขาได้จริงๆ
หรือหากมองในมุมที่เป็นมนุษย์สุดๆ วิธีคิดหนึ่งของอโฮนา กูฮา (Ahona Guha) นักจิตวิทยาคลินิก ก็นับว่าน่าสนใจมากๆ เธอชวนให้ลองคิดดูว่า ชีวิตนี้ตัวเราเองก็เคยไม่ชอบใครสักคนหรือเปล่า?
ซึ่ง “มันจะนำไปสู่ความจริงที่ว่า คุณจะได้พบเจอกับผู้คนมากมายไปตลอดชีวิต และคุณคงจะไม่ชอบพวกเขาทั้งหมด
และหากคุณซื่อสัตย์กับตัวเองมากพอ คุณจะระบุได้ว่าเหตุผลที่คุณไม่ชอบใครสักคนมันคืออะไร
(อาจจะเป็นสายตาที่เขามองมาที่คุณ? ความคิดเห็นที่ไม่นึกถึงผู้อื่นของเขาเมื่อหลายปีก่อน?)
และจากนั้นคุณก็จะสามารถเรียนรู้เพื่อตระหนักว่าหากคนอื่นไม่ชอบคุณ อาจเป็นเพราะเหตุผลเล็กๆ น้อยๆ ที่คล้ายกันนี้ก็ได้” ที่บางครั้ง คุณหรือเขาก็แค่ ‘ไม่เข้าใจกัน’ ทั้งคู่ หรือบางครั้งคุณก็เผลอไปตัดสินคนอื่น จนเกิดเป็นความไม่ชอบได้ แม้เขาจะยังไม่ได้ทำอะไรผิด ซึ่งมันจะช่วยให้ตัวเราพัฒนาตัวเองในด้านการไม่ตัดสินคนอื่นไปด้วย
ฉะนั้นแล้ว การกล้าที่จะถูกเกลียด และยอมรับว่าตัวเราเองไม่มีทางเป็นที่ถูกใจของทุกคนบนโลกได้ จะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างเข้มแข็งมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็จะช่วยให้เราได้พัฒนาตัวเองไปด้วย ไม่ใช่เพื่อให้ใครมาชอบเรานะแต่เพื่อให้เราได้ชอบ ‘ตัวเอง’ มากขึ้นต่างหาก