
หากเราเป็นคนบ้างาน จะมี Work-life Balance อย่างไรได้?
เพราะคำว่า ‘ชีวิต’ เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของเราๆ และ ‘งาน’ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น หาใช่ทั้งหมด
เรื่องราวของ ‘สี’ ที่สัมพันธ์กับความมั่นใจ
และ ‘ตัวตน’ อาจไม่ใช่สิ่งที่ต้องค้นหา
แต่เป็นการ ‘สร้างขึ้นมา’
ตั้งแต่ช่วงปีที่แล้วเป็นต้นมา เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนที่เป็นสายบล็อกเกอร์ที่ชื่นชอบการแต่งหน้าและแต่งตัวจะต้องเคยเห็นหลากหลายคอนเทนต์เกี่ยวกับ ‘Personal Color’ หรือการเช็กสีที่เหมาะสมกับตัวเองเป็นแน่แท้
เรื่องของ ‘สี’ มักเป็นอะไรที่สามารถลองนู่นนี่หรือเรียนรู้ได้ตลอดเวลาอยู่เสมอ ซึ่งนอกจากการจะเจอ ‘สีที่ชอบ’ แล้ว สิ่งที่หลายคนอาจมองหาคือ ‘สีที่เหมาะสม’ กับตัวเองอีกด้วย
เพราะโทนที่ใช่อาจมีชัยไปกว่าครึ่ง! ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้า แต่งตัว สีผม ฯลฯ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการนำเสนอรูปลักษณ์ภายนอกของเรา ว่าเราภูมิใจที่จะเป็นใคร มีสไตล์ให้จดจำแบบใด มากไปถึงมั่นใจในตัวเองด้วยลุคแบบไหน
วันนี้ The Present Move จึงอยากชวนทุกท่านมาทำความรู้จักกับเทรนด์ Personal Color นี้
รวมถึงมาสำรวจไปพร้อมๆ กันกับการไขความลับว่าเพราะอะไรเราๆ จึงมักชื่นชอบการทำงานของสีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสีที่เหมาะที่ใช้กับตัวตนของเรา มากไปถึงร่วมขบคิดไปพร้อมกันว่าทั้งหมดทั้งมวลนี้เกี่ยวข้องอะไรกับความเป็นตัวตนของเรา
| Personal Color คืออะไร?
‘Personal Color’ คือ ศาสตร์เฉพาะเกี่ยวกับสีสันเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการเฟ้นหาโทนสีที่เข้ากันกับตัวเรามากที่สุด เพราะว่าแต่ละคนจะมีโทนสีผิวที่แตกต่างกันออกไป
โดยจะสามารถวิเคราะห์ได้ผ่านหลากหลายวิธี เช่น การดูโทนสีผิวจากสีเส้นเลือดที่ข้อมือ, ดูโทนสีผิวจากตอนอยู่กลางแดด หรือหลังออกได้ก็สามารถเช็กได้เช่นเดียวกัน
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นการวิเคราะห์เพื่อหาโทนสีที่เหมาะสมกับตัวเรา ทั้งในการแต่งหน้า เลือกเสื้อผ้า เครื่องประดับ หรือกระทั่งสีผมเองก็ตาม
โดยที่โทนของสีผิว (Under tone) นั้นจะแบ่งออกเป็น 2 โทนหลักๆ ได้แก่ โทนฟ้า (Blue tone) ซึ่งเป็นโทนสีเย็น และโทนเหลือง (Yellow tone) ซึ่งหมายถึงโทนสีร้อน
และแยกย่อยไปจาก 2 โทนสีผิว เรายังจำแนกออกมาให้มีความเฉพาะมากขึ้น ผ่านการแบ่งออกเป็น ‘ฤดูกาล’ 4 ประเภท ได้แก่ ฤดูใบ้ไม้ร่วง (Autumn) และฤดูใบไม้ผลิ (Spring) ที่อยู่ในโทนร้อน และฤดูร้อน (Summer) และฤดูหนาว (Winter) ที่อยู่ในโทนสีเย็น
ถัดมาจะเป็นการดูว่าฤดูกาลของเรานั้นมี ‘สี’ ใดอยู่ในนั้นบ้าง โดยแบ่งออกเป็นโทนอ่อน (Light) และโทนเข้ม (Deep) ซึ่งแต่ละคนจะสามารถเลือกได้ตามความชอบว่าจะเป็นสีใด แต่หลากหลายตำรับตาราก็มักกล่าวว่าหากเราเลือกสีโทนที่เหมาะกับฤดูกาลของเรานั้นอาจทำให้เราดูเปล่งประกายมากขึ้นอีกด้วย
ซึ่งหากดูตามฤดูกาลทั้ง 4 นั้น หมวดสีของแต่ละอันยังสอดคล้องไปกับการวางคาแรกเตอร์ของคนแต่ละรูปแบบอีกด้วย
ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) สุขุม นุ่มลึก และมีความหนักแน่น
ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) สดใส ร่าเริง
ฤดูร้อน (Summer) อ่อนโยน น่าทะนุถนอม
ฤดูหนาว (Winter) เท่ ทันสมัย มั่นใจในตัวเอง
ด้วยการนิยามตัวตนผ่านสีสันในแต่ละคาแรกเตอร์ มากไปถึงการใช้การแต่งหน้าและแต่งตัวเพื่อเสริมความมั่นใจ เหล่านี้ประกอบกันทำให้ Personal Color ทำงานได้เป็นอย่างดีในวงการบล็อกเกอร์ไทย
แต่นอกเหนือไปจากนั้น สิ่งเหล่านี้กำลังบอกอะไรกับเราเพิ่มเติมไหม?
| เมื่อ ‘สี’ ช่วยส่งเสริมตัวตนและเพิ่มความมั่นใจ
“พี่ชอบการแต่งหน้า ชอบเลือกซื้อลิปสติก
เพราะสิ่งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เร็วที่สุด”
ใครบางคนเคยกล่าวกับผู้เขียนเช่นนั้น
ซึ่งในหลายบทความและวิจัยทั้งในไทยและต่างประเทศก็ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘การแต่งหน้า’ เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถบูสต์เอเนอร์จีและเสริมความมั่นใจชั้นดีให้กับใครหลายคนอย่างรวดเร็ว
เช่นในบทความของ Times of India เปรียบการปรับลุคเช่นนี้ว่าเป็น ‘mini-transformation’ เพราะเป็นการเสริมพลังที่ทำให้เราได้เห็นความเป็นเราที่อาจยังไม่ถูกเปิดเผย และจะทำให้เราได้เห็นคุณสมบัติบางประการที่อาจซุกซ่อนอยู่ ราวกับสวมเสื้อเกราะก่อนออกไปเผชิญความท้าทายกับโลกภายนอก
Personal Color อาจไม่ต่างกัน เหล่านี้ก็เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับเราในทางหนึ่ง แถมเสริมพลังด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอีกด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น Personal Color ก็อาจไม่ใช่สูตรตายตัวหรือสิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อเราต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองในสักอย่าง อีกทั้งเราสามารถสร้างสรรค์ตัวตนของเราและเปิดเผยได้อีกหลากหลายด้านเกินกว่าที่ใครจะกำหนด (และในบางครั้งอาจไม่จำเป็นต้องตามกระแสธารความนิยมในสื่อโซเชียลอีกด้วย)
เพราะในบางครั้ง ‘ตัวตน’ อาจไม่ใช่สิ่งที่เราต้องค้นหา
แต่อาจเป็นการ ‘สร้างขึ้นมา’ ผ่านความเป็นตัวเราที่ถูกประกอบสร้างจากภายในสู่ภายนอก
เพราะคำว่า ‘ชีวิต’ เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของเราๆ และ ‘งาน’ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น หาใช่ทั้งหมด
มาใช้วันลาไปพักร้อนกันเถอะ! ชวนมองข้อดีของการหาเวลาออกไปเที่ยวที่ช่วยบูสต์พลัง แถมยังทำให้เราไม่แก่ก่อนวัย
คุณเคยรู้สึกว่าแม้จะเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่บางครั้งก็ยังรู้สึกเหมือนเด็กเล็กๆ ที่ต้องการความรักและความสนใจไหม?