The Present Move

เข้าใจ ไม่ตัดสิน และปล่อยวาง ชวนรู้จักการ ‘Observing’

The Present Move | Mindful Global Citizens

เพราะการ ‘สังเกต’
เป็นอะไรที่มากกว่าแค่ ‘มองเห็น’

หากเราเอ่ยถึง 

‘ไอศกรีมรสช็อกโกแลตมินต์’
‘ฤดูฝน’
‘คนรัก’

สิ่งเหล่านี้ทำให้คุณรู้สึกแบบไหน?

ชอบ
ไม่ชอบ
หรือว่าเฉยๆ 

ไม่แปลกอะไรถ้าเราจะรู้สึกแบบใดแบบหนึ่งกับคำเหล่านี้ เพราะสมองของมนุษย์มีระบบอัตโนมัติที่คอยจัดหมวดหมู่ประสบการณ์ต่างๆ ที่พบเจอ แบ่งคร่าวๆ ตามความรู้สึกว่า ชอบ ไม่ชอบ หรือเฉยๆ

และปฏิกิริยาของเราที่มีต่อแต่ละความรู้สึกก็คือ

วิ่งไล่ตามสิ่งที่ทำให้มีความสุข
หลีกหนีจากสิ่งที่ทำให้ทุกข์
และเมินเฉยต่อสิ่งไม่ได้ทำให้รู้สึกอะไรนัก

แน่นอนว่าแม้จะเป็นของสิ่งเดียวกัน ทุกคนก็มีความรู้สึกต่างกันออกไป

อย่างบางคนชอบกินไอศกรีมมินต์ช็อก และบางคนไม่ชอบ

การจัดหมวดหมู่แบบนี้มีประโยชน์ต่อการตัดสินใจแทบทุกอย่างตลอดชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเรียนในสายที่ชอบ การปฏิเสธงานที่ไม่ถูกใจ หรือการคบหากับใครสักคน

แต่บางครั้งการจัดหมวดหมู่เช่นนี้ก็ทำให้ชีวิตลำบาก เช่น อย่างเวลาที่ความรู้สึกของเปลี่ยนไป จากชอบกลายเป็นไม่ชอบ หรือ จากไม่ชอบกลายเป็นชอบ เราก็มักจะรู้สึกว่ามันยอมรับได้ยาก เพราะว่าลึกๆ แล้วยังยึดติดกับหมวดหมู่ที่สมองจัดเอาไว้ 

หรือเมื่อไม่สามารถวิ่งหนีสิ่งที่ไม่ชอบ และไล่ตามสิ่งที่ชอบได้
เราก็จะรู้สึกอึดอัดใจมากๆ เช่นเดียวกัน

และบางทีเราก็แอบคาดหวังกับความรู้สึกจนผิดหวังในตัวเองอยู่บ่อยๆ เช่น ทำไมเราไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์นะ ถ้าชอบก็คงได้ทำอาชีพที่รายได้สูงกว่านี้ หรือ ทำไมเราต้องชอบสีชมพูนะ ทั้งที่นิสัยเรามันดูไม่ค่อยเข้ากับสีนี้เลย

อาจจะฟังดูตลกถ้าพูดว่า เมื่อมันเริ่มทำให้เรามี ‘ความทุกข์’ เราก็เลยอยากจะวิ่งหนีจากมัน
แต่ไม่ว่าจะพยายามหนียังไงก็หยุดคิดไม่ได้ นั่นก็เพราะว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เราควบคุมได้
เมื่อพยายามไม่คิด ก็ยิ่งเป็นการคิดถึงมันมากขึ้นไปอีก

เกริ่นมาเสียยาว แต่สิ่งที่เราอยากจะแนะนำจริงๆ คือวิธีแก้
ตอนนี้แหละที่ การสังเกตแบบไม่ตัดสิน (Non-Judgemental Observation) เข้ามามีบทบาท 

เพราะสิ่งที่เราควรทำไม่ใช่การหยุดคิด
แต่คือการรับรู้ว่ามีความคิดนั้นเกิดขึ้น
และยอมปล่อยมันไปต่างหาก

เมื่อรู้ตัวว่าเรากำลังมีความคิดหรือความรู้สึกที่เราอยากเลี่ยงเกิดขึ้น อาจจะลองทำตามขั้นตอนดังนี้ดู

  1. รับรู้ถึงการมีอยู่ของความคิด หรือความรู้สึกนั้น
  2. คำนึงไว้ว่ามันไม่ได้จะคงอยู่ตลอดไป 
  3. อยู่กับปัจจุบันขณะ

การฝึกกระบวนการคิดแบบไม่ตัดสินนี้ อาจเป็นการฝืนธรรมชาติที่ชอบตัดสินของมนุษย์ไปสักหน่อย แต่รับรองว่าไม่ยากเกินไป และจะช่วยทำให้เราเป็นอิสระจากการคิดมาก
และสามารถมองโลกในมุมบวกได้มากขึ้น ใครอ่านแล้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นคล้ายๆ แบบนี้
ลองนำวิธีนี้ไปใช้ดูนะ

เพราะกระบวนการเฝ้าสังเกตสภาวะต่างๆ อย่างเป็น ‘ผู้สังเกต’ ทั้งร่างกาย-ความคิด-ความรู้สึกใดๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละชั่วขณะนั้นยังให้เรารู้เท่าทันภาวะการปรุงแต่ง และเพื่อไม่ให้ชุดความเชื่อบางประการ อคติ การติดกรอบ หรือการตัดสินใดๆ เหล่านั้นมาครอบงำจนเราเคยชิน


เราเลยอยากจะลองชวนให้ทุกคนสังเกตอย่างเข้าถึงใจและไม่ใคร่ตัดสินอยู่บ่อยๆ
เพื่อที่จะได้ดื่มด่ำกับปัจจุบันขณะให้ได้มากที่สุด และมีความสุขที่สุดในการอยู่กับปัจจุบันขณะ

Writer | นานาใดๆ

Illustrator | Arunnoon

Pendulum Lifestyle มองชีวิตเป็นลูกตุ้มที่แกว่งไปมา มีขึ้นสูง ลงดิ่ง ไม่ได้บาลานซ์ทุกวัน 

การกดดันตัวเองตลอดเวลาว่า “ชีวิตฉันต้องบาลานซ์เท่านั้น!” อยู่ทุกวัน ถ้าไม่บาลานซ์สักวันแปลว่า ต้องมีอะไรผิดพลาด คิดแบบนี้บางครั้งมันก็… เหนื่อย

โชคดีเหลือเกินที่บังเอิญได้ค้นพบ ชวนรู้จัก Serendipity ให้ความ ‘บังเอิญ’ และเรื่องที่ไม่คาดหวัง ได้มีโอกาสเข้ามาในชีวิต

เรากำลังพูดถึงแนวคิดแบบ ‘Serendipity’ หรือความรู้สึก ‘โชคดีที่บังเอิญได้พบ’ ที่ไม่ได้พูดถึงดวง หรือจักรวาลที่มอบโชคดีให้เราจากความบังเอิญ แต่เป็นการที่เรามองความบังเอิญนั้นๆ เป็นโชคดี และต่อยอดมันไปสู่อะไรบางอย่างในชีวิต

อวโลกิตะ พื้นที่พักใจของคนเมืองที่เชื่อว่าสันติในสังคมขับเคลื่อนได้จากสันติในตัวเอง

ท่ามกลางแสงสีของเมืองหลวงอันวุ่นวาย จะดีไหมหากเรามีสถานที่เงียบสงบสักแห่งให้เป็นที่พักใจ เป็นที่ที่ไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากความรู้สึกของตัวเอง