The Present Move | Mindful Global Citizens
ปีใหม่กำลังจะผ่านเข้ามา ด้วยบรรยากาศดีๆ พร้อมด้วยคนรอบข้างที่แสนอบอุ่น ช่วงเวลาเหล่านี้มักเป็นช่วงเวลาพิเศษของใครหลายคน ที่นอกจากจะได้พักผ่อนและทบทวนตัวเองจากปีที่ผ่านๆ มา ยังเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เราจะได้ฮีลตัวเองจากช่วงเวลาที่ผ่านมาตลอด 1 ปีที่แสนยาวนาน
การจะทำให้รู้สึก ‘รักตัวเอง’ นั่นอาจจะดูทำง่ายสำหรับบางคน ทว่าก็มีอีกหลายคนที่ไม่สามารถปลุกปั่นความรู้สึกดังกล่าวได้สักที
ดังนั้นเราจึงขอแนะนำทางเลือกหนึ่ง เพื่อเป็นอีกแรงเสริมให้ทุกคนรักและรู้สึกดีกับตัวเอง (self-love) ด้วยข้อคิดจากภาพยนตร์ที่เราหยิบยกมาให้ดูกันในวันนี้
| ขอเริ่มที่ ‘ชีวิตพิศวงของ วอลเตอร์ มิตตี้
(The Secret Life of Walter Mitty)’
ภาพยนตร์ที่ใครหลายๆ คนยกขึ้นหิ้ง เนื่องจากหัวใจหลักของเนื้อเรื่องคือ การฉายภาพของมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่มักจะฝันกลางวันเกี่ยวกับการผจญภัย เพื่อหลีกหนีจากงานที่น่าเบื่อของเขา
ซึ่งหนังเรื่องนี้เปรียบเสมือนแม่เหล็กที่ดูดเราเข้าไปให้รู้สึกเอิบอิ่มกับความสุขจากอิสรภาพ และการปลดปล่อย ไปพร้อมๆ กับตัวละครได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
ใครกำลังรู้สึกหมดไฟกับการเรียนหรือหน้าที่การงาน เราขอแนะนำให้ลองดูภาพยนตร์เรื่องนี้สักครั้ง เพื่อที่จะได้รู้ว่า เราไม่ผิดเลยที่จะรู้สึกเซ็งหรือเบื่อ เพราะมันเป็นเรื่องธรรมด๊า ธรรมดา ที่ใครๆ ก็เป็นกัน
นอกจากนี้ วอลเตอร์ มิตตี้ฯ ยังทำให้ใครหลายๆ คน ‘กล้า’ ที่จะออกไปเยือนสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ อย่างการออกไปท่องเที่ยว เพื่อเป็นการปล่อยวางจากสิ่งที่รั้งเราเอาไว้
“ชีวิตเป็นเรื่องของความกล้าหาญ และการไปในที่ที่เราไม่รู้จัก”
| ต่อมาเราขอเสนอภาพยนตร์ที่ดำเนินเรื่องอย่างช้าๆ
‘เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด (The Breakfast Club)’
ภาพยนตร์คลาสสิกยุค 80 ที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้และการเอาตัวรอดของ ‘วัยรุ่น’ ที่วัยรุ่นในยุคนี้ก็ยังสามารถดูเพื่อให้เข้าใจช่วงอายุของตัวเองมากขึ้น
หนังเรื่องนี้เปรียบเหมือนหนังให้กำลังใจคนหนุ่มสาวที่ต่างมีปัญหาแตกต่างกันไป แต่ปัญหาหนึ่งที่คล้ายคลึงกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ การเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ โดยที่มาของชื่อ Breakfast Club มาจาก เด็ก 5 คน ที่มีไลฟ์สไตล์ต่างกันอย่างสุดขั้ว
แต่จำเป็นต้องมาถูกกักบริเวณด้วยกันที่ห้องสมุดที่โรงเรียน พร้อมกับได้รับมอบหมายให้เขียนเรียงความหนึ่งพันคํา ซึ่งมีหัวข้อว่า ‘คุณคิดว่าคุณเป็นใคร’
ความน่าเบื่อและความเงียบงัน ทำให้เด็กเหล่านี้เริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆ ของพวกเขา
ซึ่งเป็นบทสนทนาที่ดูเรื่อยเปื่อย แต่กับให้ข้อคิดบางอย่างกับผู้ชม จน The Breakfast Club จัดอยู่ในลิสต์หนังโปรดของผู้คนมากมาย เกือบ 40 ปีมาแล้ว
“คุณเห็นเราในรูปแบบที่คุณต้องการจะเห็น แต่สิ่งที่เราค้นพบคือเราแต่ละคนเป็นทั้งคนเก่ง นักกีฬา เจ้าหญิง หรือแม้แต่อาชญากร
สิ่งนี้สามารถเป็นคำตอบให้แก่คุณได้หรือไม่?”
| ถ้าพูดถึงภาพยนตร์ฟีลกู๊ดทั้งที จะไม่กล่าวถึงหมวดอนิเมชั่นเลย
ก็คงจะไม่ได้ ดังนั้นเราขอหยิบยก ‘มหัศจรรย์อารมณ์อลเวง
(Inside out)’
อนิเมชั่นที่ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับอารมณ์ ความฝัน และความทรงจำ ด้วยการสร้างตัวตนจริง 5 ประการของอารมณ์หลักๆ ของเรา เช่น อารมณ์เพลิดเพลิน โศกเศร้า สะอิดสะเอียน กลัว และฉุนเฉียว เพื่อง่ายต่อการทำความเข้าใจประเด็นทางจิตวิทยา
อย่างไรก็ดี อนิเมชั่นดังกล่าวไม่ได้ให้เพียงแค่ความรู้ในฉบับเข้าใจง่าย แต่ยังเสนอมุมเรื่องสุขภาพจิต ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และทุกๆ ปัจจัยที่เกิดขึ้นในชีวิตของมนุษย์ ล้วนมีผลต่อการสร้างตัวตนของคนคนหนึ่ง
นอกจากนี้ หนังยังตอกย้ำถึงประเด็นเรื่อง ‘ความสุข’ อีกว่า คนเราไม่จำเป็นต้องกักเก็บอารมณ์แย่ๆ และพยายามทำตัวมีความสุขเสมอ เพราะทุกคนสามารถรู้สึกอย่างไรก็ได้ แล้วการระบายสิ่งที่อยู่ในใจเราออกไปไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดอะไร
“เมื่อเราปล่อยให้ตัวเองได้รู้สึก เมื่อนั้นเราก็เป็นอิสระ”
| มาถึงภาพยนตร์แนวๆ ครอบครัวบ้าง
‘นางงามตัวน้อย ร้อยสายใยรัก (Little Miss Sunshine)’
หนังตลกที่ดำเนินเรื่องด้วยการให้เราตามติดการเดินทางของครอบครัวหนึ่งซึ่งมีสมาชิก 6 คน โดยพวกเขามีเป้าหมายในการนำพาน้องคนเล็กสุดของครอบครัวไปพิชิตฝันในการเป็น ‘นางงามพระอาทิตย์ส่องแสง’
ซึ่งหนังดังกล่าว จะมุ่งเน้นไปที่เหล่า ‘ผู้ใหญ่’ ที่มีปมชีวิตต่างกันไป แต่กลับต้องมาอยู่รวมกันภายใต้รถตู้คันเล็กๆ ฉะนั้นการเดินทางตลอดทั้ง 2 วัน ทำให้พวกเขาได้ทลายกำแพงของตัวเอง พร้อมกับเรียนรู้และเยียวยาสภาพจิตใจของกันและกัน
“จงทำในสิ่งที่รัก เรื่องอื่นช่างแม่ง!”
| ‘หัวใจไม่ไร้เสียง (CODA)’ ภาพยนตร์แนะนำเรื่องสุดท้ายของเรา
โดยคำว่า CODA ย่อมาจาก Child of Deaf Adults หรือ เด็กผู้มีพ่อแม่ที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน ทำให้ รูบี้ (Ruby) เด็กคนดังกล่าว เป็นคนเดียวที่ได้ ‘ยินเสียง’ ท่ามกลางคนในครอบครัวที่ไม่เคยได้สัมผัสกับความรู้สึกนี้เลย
ทั้งนี้ รูบี้มีความหลงใหลในการร้องเพลง ทำให้เธอจำเป็นต้องเลือกระหว่างภาระหน้าที่ของครอบครัว และความใฝ่ฝันของเธอ
โดยเหตุผลที่รูบี้ต้องเลือก เนื่องจากเธอเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างเต็มที่มาตั้งแต่เธอจำความได้
แล้วที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ ครอบครัวไม่เห็นด้วยกับความฝันของเธอ เพราะพวกเขาไม่สามารถเข้าใจพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงของเธอได้
ดังนั้นเราขอเบรกไว้ก่อนว่า แม้ว่าหลายๆ คนระบุให้ CODA เป็นหนังที่ทำให้หัวใจพองโต แต่ระหว่างการดำเนินเรื่องจะมีทั้งดราม่า ความรู้สึกผิดหวัง ทว่าก็ยังมีความเฮฮา หรือโรแมนติก ผสมปะปนกันไป ซึ่งถือเป็นเรื่องราวที่ครบรส ซึ่งสามารถทำให้ผู้ชมร้องไห้อาบแก้ม และหัวเราะจนปวดท้อง สลับกันไปมาจนเรื่องราวจบลง
การแนะนำภาพยนตร์ที่ช่วยฮีลใจตัวเองได้จบลงแล้ว ทว่าเราขอทิ้งท้ายสักนิดหนึ่งว่า ความรู้สึกรักตัวเองจะส่งผลให้เรายอมรับตัวตนของเรา โดยที่ไม่สนใจว่าเราจะดูเป็นอย่างไรในสายตาคนอื่น ฉะนั้นการยอมรับตัวตนทั้งในอดีต ปัจจุบัน หรือแม้แต่การพร้อมโอบรับตัวเองในอนาคต ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขอย่างแท้จริง
Illustrator | Arunnoon
อ้างอิง |
Best Self Love Movies to Help You Love Yourself More
22 Self Love Movies That Will Inspire You to Be Your Best Self
4 Inspirational Quotes From ‘The Secret Life of Walter Mitty’
25 Best Quotes From The Breakfast Club
Journey To Self : 10 Movies About Self Discovery
Why Inside Out Is One Of Pixar’s Best Movies
12 ปี Little Miss Sunshine การเดินทางเพื่อเยียวยาหัวใจผู้แพ้บนโฟล์กตู้บุโรทั่ง
คนเรามีเป้าหมายใหม่แทบทุกช่วงวัย ทว่ายิ่งโตขึ้น เป้าหมายที่ตั้งไว้ก็ยิ่งหนักอึ้ง การบอกเล่าเป้าหมายในอนาคตของตัวเองให้คนอื่นรับรู้ ทั้งที่ยังไม่แน่ใจว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ จึงอาจกลายเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายคน
ชวนคุยกับ แม่ตา-วรณัน โทณะวณิก ผู้บริหาร MaMaTa_Nurturing Nature in Your Child และผู้ร่วมก่อตั้ง The HUMAN Academy
เคยสงสัยไหมว่าความใจดีที่แสดงออก ไม่ว่าจะจากตัวเราเองหรือจากผู้คนที่เราพบเห็น มาจากใจที่อยากช่วยเหลือจริงๆ หรือเป็นเพียงการแสดงแลกยอดไลก์
