The Present Move

เราเติบโตขึ้นแค่ไหนและจากสิ่งใด ‘American Pain โปรดเจ็บไว้เป็นหลักฐาน’

The Present Move | Mindful Global Citizens

บันทึกการเดินทาง Work & Travel ที่ชวนย้อนทบทวนชีวิตที่ผ่านมาว่า ครั้งหนึ่งเราพาตัวเองไปพบเจอเรื่องร้ายดีเช่นไร

“ถึงจะต้องจากลา แต่แผลเป็นที่ประทับอยู่บนข้อมือข้างขวาจะคอยเตือนผมเสมอว่า ครั้งหนึ่งเราเคยมีความสุขมากๆ เพราะที่ใด”

เขาว่ากันว่า… คนเราจะเติบโตขึ้นเมื่อเริ่มออกเดินทาง ไม่ว่าการเดินทางครั้งนั้นจะเป็นเช่นไร ระยะทางใกล้หรือไกล หรือมีจุดหมายเป็นสิ่งใด แต่เราจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างกลับมาเสมอ

‘American Pain โปรดเจ็บไว้เป็นหลักฐาน’ หนังสือบันทึกการเดินทางและหลักฐานการเติบโต ซึ่งจะทำให้คุณรู้ว่าตัวเองคือใคร เป็นคนอย่างไร และเติบโตขึ้นแค่ไหนจากสิ่งใดบ้าง ผ่านประสบการณ์ผ่านการไปเข้าร่วมโครงการ Work&Travel ที่สหรัฐอเมริกา ของ วอร์ม-สิรวิชญ์ บุญประสิทธิการ บัณฑิตจบใหม่ที่ยังไม่อยากก้าวเข้าสู่โลกแห่งการทำงาน เขาตัดสินใจออกเดินทางเพื่อค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ก่อนที่เข็มนาฬิกาชีวิตจะผ่านพ้นช่วงเวลาวัยรุ่นไป

หนังสือเล่มนี้มิได้บอกเล่าเพียงรายละเอียดโครงการ Work&Travel แต่สอดแทรกบทเรียนชีวิตต่างๆ ในการเดินทางข้ามประเทศไปยังอีกฟากฝั่งของโลก พร้อมชวนผู้อ่านมาเปิดหัวใจ ย้อนคิดทบทวนอดีต ปัจจุบันขณะ และอนาคตของตน ว่าเราผ่านอะไรมาแล้วบ้าง ชีวิตตอนนี้เป็นอย่างไร และเราเฝ้าฝันถึงอนาคตแบบใด

ต่อให้คุณจะไม่เคยไป หรือไม่มีความคิดที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ แต่คุณจะสามารถเข้าถึงความรู้สึก และเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ได้ไม่ยาก 

เพราะแท้จริงแล้วทุกวินาทีของชีวิตคือการเดินทาง

มากกว่าหนังสือเดินทางท่องโลก คือหนังสือเดินทางท่องชีวิต

และขณะนี้เที่ยวบินสู่การทบทวนชีวิตตัวเอง พร้อมแล้วที่จะพาคุณออกเดินทาง

(หมายเหตุ : เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของหนังสือ)

| หลักฐานที่ 1 : ชีวิตคือการตัดสินใจ

“หลายครั้งพอเจอสิ่งที่ถูกใจในร้านแรก เรามักจะยังไม่ซื้อ อยากลองเปรียบเทียบราคากับร้านอื่นดูก่อน เดินไปเดินมา กลายเป็นว่าเราไม่มีโอกาสเดินกลับไปร้านแรก ของที่อยากได้ก็อดได้ ในขณะที่บางคราวเราเด็ดเดี่ยวซื้อสินค้าตั้งแต่แรกพบ เดินต่อห้าหกก้าว เจอของที่เหมือนกันเป๊ะวางขายอยู่ในราคาที่ถูกกว่า จะเลือกทางไหนก็น่าเสียดายทั้งนั้น ซื้อเร็วก็กลัวเสียค่าโง่ ซื้อช้าก็กลัวอดได้”

เรื่องหนึ่งที่เด็กเวิร์กทุกคนให้ความสำคัญคือ ‘การใช้จ่ายอย่างประหยัด’ เพราะค่าครองชีพที่สหรัฐอเมริกาสูงกว่าไทยมาก อีกทั้งยังต้องทำงานหลังขดหลังแข็งแลกกับค่าแรงในแต่ละวัน แม้ข้อความข้างต้น ผู้เขียนจะจงใจพูดถึงการเลือกซื้อสินค้า แต่คำกล่าวนั้นอาจรวมไปถึงการตัดสินใจอื่นๆ ในชีวิตด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะ ‘การตัดสินใจครั้งใหญ่’ ที่แทบจะเป็น ‘ตัวชี้ชะตา’ หรือกำหนดอนาคตของคนเรา

บางครั้งการรอคอยอาจทำให้เราได้รับสิ่งที่ดีที่สุด แต่บางครั้งก็ทำให้พลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปเช่นกัน

ขณะที่การด่วนตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวมิได้การันตีว่า ผลลัพธ์จะเป็นดังที่ใจหวัง เพราะชีวิตเปรียบเสมือนการเสี่ยงดวง เราไม่มีทางรู้ว่า อนาคตจะเป็นอย่างไร ชีวิตคนเราจึงมีเรื่องน่าเสียดายเต็มไปหมด

ตัดสินใจเร็วโดยไม่รีรอก็กลัวเลือกผิด ตัดสินใจช้าอย่างถี่ถ้วนก็สายไป ท้ายที่สุดแล้ว มันไม่มีคำตอบตายตัวว่า เราควรตัดสินใจแบบไหน ควรเลือกสิ่งแรกที่พบเจอ หรือเดินต่อไปเพื่อค้นหาสิ่งที่ดีกว่า แต่เราทุกคนยังคงต้องลองตัดสินใจด้วยตนเอง ลองผิด ลองถูก ลองผิดหวัง ลองสมหวังแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อเรียนรู้ที่จะตัดสินใจให้เป็น ยอมรับกับเส้นทางที่ตัวเองเลือก และรับมือกับผลลัพธ์ทุกรูปแบบให้ได้ ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ตาม

อย่างไรก็ตาม หากคุณเจอสิ่งที่ใช่แล้ว จงคว้าโอกาสนั้นเอาไว้ เพราะถ้ามัวรอเจอสิ่งที่ดีที่สุด โดยที่ไม่รู้ว่าจะเจอหรือเปล่า โอกาสที่เราเคยได้รับอาจหลุดลอยไปเป็นของคนอื่น และโอกาสนั้นอาจไม่วนกลับมาหาเราอีกเลย

อย่างผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เลือกที่จะไป Work&Travel แทนที่จะเริ่มหางานทำเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน โดยที่ตัวเขาก็ไม่รู้หรอกว่า อนาคตที่รออยู่ข้างหน้านั้นจะเป็นเช่นไร จะราบรื่นหรือไม่ แต่เขาตัดสินใจเช่นนี้ เพราะเป็นปีสุดท้ายที่เขาจะสามารถเข้าร่วมโครงการ Work&Travel ได้ แม้ว่าระหว่างทางจะเต็มไปด้วยอุปสรรคไม่คาดฝัน หรือมีปัญหาจู่โจมเข้ามามากมาย แต่การตัดสินใจครั้งนี้ก็ทำให้มีหนังสือ ‘American Pain โปรดเจ็บไว้เป็นหลักฐาน’ เกิดขึ้น

| หลักฐานที่ 2 : ปัญหามีไว้แก้

“ถ้าทุกคนคิดเหมือนกันหมดว่า ทำไมต้องเป็นเรา ปัญหาก็จะคาราคาซัง ทุกคนจะเอาแต่เกี่ยงและเถียงกันจนไม่มีใครเข้าไปแก้ ทั้งที่จริงปัญหานั้นอาจจะแก้ง่ายแสนง่าย 

“สารภาพตามตรง การแก้ปัญหาที่คนอื่นก่อไม่เคยเป็นเรื่องสนุก แต่มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่การหาคนรับผิดชอบเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่การแก้ปัญหาหรอกหรือที่สำคัญกว่า”

คงไม่มีใครคิดว่า ปัญหาที่ผู้เขียนพูดถึงคืออุจจาระในชักโครกที่ไม่สามารถกดชำระได้อีก เหตุเพราะส้วมตัน แน่นอนว่ามันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่แก้ไขยาก แต่เนื่องด้วยธรรมชาติของมนุษย์ ไม่มีใครอยากแก้ไขหรือตามเช็ดล้างปัญหาที่คนอื่นก่อไว้ ในขณะเดียวกันก็คงไม่มีใครกล้าสารภาพว่าตนเข้าห้องน้ำเป็นคนล่าสุด

แต่ถ้าทุกคนเมินเฉยต่อปัญหา เอาแต่ตามหาว่าใครเป็นคนทำเช่นนั้น สุดท้ายคงไม่มีใครได้เข้าไปใช้ห้องน้ำเสียที จากปัญหาที่ไม่ใหญ่อาจนำไปสู่การทะเลาะวิวาทก็เป็นได้ ดังนั้น ในบางเวลา เราก็จำเป็นต้องมองข้ามว่าใครเป็นคนก่อปัญหา ปัญหานี้เกิดขึ้นเพราะใคร แต่ควรร่วมมือช่วยกันแก้ไขปัญหาให้เสร็จสิ้นมากกว่า

“พึ่งพาตัวเองได้มันก็ดี แต่ขอความช่วยเหลือสักทีก็ไม่ทำให้ใครถึงตาย เพราะเราเองก็อยากช่วยเหลือคนที่เรารักทุกครั้งที่ทำได้ไม่ใช่เหรอ”

ในทางกลับกัน บางปัญหาเราก็ไม่อาจเอาชนะด้วยตัวคนเดียว การขอความช่วยเหลือคนอื่นก็นับเป็นความกล้าอย่างหนึ่ง เพราะหลายคนไม่กล้าพึ่งพาคนอื่น ทั้งที่จริงแล้ว การขอความช่วยเหลือไม่ใช่เรื่องน่าอาย รวมถึงการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมก็ต้องช่วยเหลือเกื้อกูล และถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน หากคนที่เรารักกำลังตกที่นั่งลำบากหรือกำลังเผชิญปัญหา เราก็คงอยากช่วยเหลือหรือรับฟังไม่ต่างกัน

| หลักฐานที่ 3 : คนไม่ดีมีอยู่จริง

“ถ้าคนจะแย่ ต่อให้เราทำดีแค่ไหน เขาก็แย่อยู่วันยังค่ำ การที่เขาทำไม่ดีต่อเรา ไม่ใช่เพราะเราทำดีต่อเขาไม่มากพอ เพราะต่อให้ทำดีกว่านี้ ยอมมากกว่านี้ เขาก็ยังเป็นคนแบบเดิม ดีไม่ดีเขาอาจจะยิ่งได้ใจจนลามไปทำเรื่องแย่ ๆ ใส่คนอื่น ไม่ใช่ความผิดของเราที่เขาเป็นคนแบบนั้น”

ผู้เขียนพาทุกคนไปเผชิญกับความโชคร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้จะพยายามแก้ไขปัญหาแค่ไหน แต่ปัญหาตรงหน้าก็ยังคงหนักหน่วงสำหรับเด็กวัยรุ่นไทยที่ต้องไปใช้ชีวิตที่สหรัฐอเมริกา ทั้งปัญหาเรื่องบ้านที่อยู่อาศัย การต่อสู้กับความไม่เป็นธรรม และการข่มขู่จากผู้มีอำนาจอย่างตำรวจ ทางออกที่ดีที่สุดก็ยังไม่ใช่ทางออกที่ดีมากพอสำหรับตัวเขา แต่เพราะไม่อาจทำอะไรไปได้มากกว่านี้แล้ว จึงจำเป็นต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น

หลายครั้งเราเจอเรื่องแย่ๆ อย่างไม่ยุติธรรม และหาเหตุผลไม่ได้ว่า ทำไมเรื่องไม่ดีเช่นนี้จึงเกิดกับเรา ทำไมทำดีแค่ไหน คนอื่นก็ไม่เห็นค่า ทั้งที่พยายามและตั้งใจใช้ชีวิตให้ดีแล้ว แต่ทำไมจึงยังพบเจอแต่เรื่องร้ายๆ 

นั่นเป็นเพราะตัวเราไม่อาจควบคุมพฤติกรรมหรือความคิดของผู้อื่นได้ ต่อให้เราทำดีแค่ไหน หากเขาไม่ใช่คนดีตั้งแต่ต้น เขาก็จะยังคงทำตัวแย่กับเราอยู่ดี 

เช่น ทำไมคนอื่นถึงไม่เกรงใจเรา ทั้ง ๆ ที่เรานึกถึงคนอื่นก่อนเสมอ การที่คนอื่นปฏิบัติต่อเราเช่นนั้น มันไม่ใช่ความผิดของเรา เพราะไม่ว่าเราจะทำดีแค่ไหน บางครั้งก็ไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยของคนอื่นได้ แต่อย่าเพิ่งหมดหวังว่า ทำดีก็คงไม่มีวันได้ดี เพราะท่ามกลางคนไม่ดีมากมาย ก็ยังมีคนที่ยึดถือคุณค่าและเชื่อมั่นในสิ่งเดียวกับเรา อย่าปล่อยให้คนไม่ดีมาทำให้คุณกลายเป็นคนแบบที่ตัวเองไม่ชอบ เราเพียงต้องใจดีและมอบสิ่งดีๆ ให้ถูกคน 

เหมือนที่นักเขียนหนังสือเล่มนี้พบเจอสายรุ้งหลังฝนตก ในวันที่เขาเกือบหมดหวังในชีวิต เขาก็ได้รับความช่วยเหลือ กำลังใจ และคำขอบคุณจากเพื่อนรอบข้าง ทำให้เขาได้ตกตะกอนกับตัวเองใหม่อีกครั้งว่า

“โลกนี้ยังมีคนที่ยึดถือในคุณค่าแบบเดียวกัน คนไม่ดีมีอยู่จริง
แต่ก็ยังมีอีกมากที่เห็นอกเห็นใจและห่วงใยคนอื่นเป็น”

(หมายเหตุ: มีการปรับเปลี่ยนคำหยาบในหนังสือเป็นคำสุภาพ)

| หลักฐานที่ 4 : ความสำเร็จไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่

“หรือแท้จริงแล้วการมาเวิร์กแล้วขาดทุนอาจไม่ใช่ความล้มเหลวที่น่าอาย เพราะความสำเร็จของการเดินทางครั้งนี้อาจเป็นสิ่งที่วัดไม่ได้มาตั้งแต่ต้น ผมรู้ แต่ผมก็อยากทำทุกอย่างให้ออกมาเพอร์เฟ็กต์ 

และทันทีที่มีอุปสรรคเข้าขัดขวางจนไม่สามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุดได้ สิ่งนั้นจึงนับเป็นความแพ้พ่ายตามนิยามส่วนตัวที่ผมไม่เคยปรึกษากับใคร ผมพยายามปลอบตัวเองตามที่จิตแพทย์สอนไว้

 ‘แม้จะไม่เท่าที่หวัง แต่เราก็ทำดีกว่านี้ไม่ได้แล้วจริง ๆ ทำดีที่สุดก็คือทำดีพอแล้ว ไม่เป็นไร ไม่ต้องกดดันไปมากกว่านี้’

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป้าหมายการเข้าร่วมโครงการ Work&Travel ของหลายคนคือ การเก็บเงินกลับไทยให้ได้เยอะที่สุด หรืออย่างน้อยก็ไม่ขาดทุน เมื่อบวกลบกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่า ชีวิตเราจะต้องเจออะไรบ้าง อย่างนักเขียนที่ต้องเจอปัญหาย้ายบ้าน ทำให้ต้องเสียเงินกับเรื่องนี้จำนวนมาก ครั้นจะต่อสู้เพื่อความยุติธรรม กลับโดนมาเฟียในคราบตำรวจข่มขู่ หนทางเดียวที่เลือกได้จึงคือการจ่ายเงินเพิ่มสำหรับย้ายบ้าน เพื่อแลกกับความปลอดภัยในชีวิต 

บางครั้งความสำเร็จมิได้ประเมินจากเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่อย่างเม็ดเงิน แต่วัดจากประสบการณ์ระหว่างการเดินทางของเรา ซึ่งไม่อาจหาได้จากสถานที่อื่น มีเพียงแค่เราในการเดินทางครั้งนี้เท่านั้นที่จะได้พบเจอประสบการณ์บ้าระห่ำเช่นนี้ แน่นอนว่าคงไม่ใช่เรื่องราวที่ดีที่สุด แต่ก็ดีมากพอให้เราเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น 

อยากให้ทุกคนรู้ไว้ว่า เพียงแค่เอาชีวิตรอดท่ามกลางโลกที่โหดร้ายได้ ก็ถือเป็นความสำเร็จที่ใหญ่ยิ่งแล้ว

และในวันที่ชีวิตไม่เป็นอย่างที่หวัง อย่าลืมปลอบประโลมจิตใจของตัวเอง เพราะแม้การปลอบโยนจะมิได้ส่งผลต่อผลลัพธ์ ณ ปลายทางโดยตรง แต่ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำอยู่ดี เพื่อให้เรามีแรงก้าวเดินต่อไป

| หลักฐานที่ 5 : หลักฐานการเติบโต

หากมองให้ดี เรื่องราวนี้มิใช่หลักฐานความเจ็บปวดเพียงอย่างเดียว แต่เป็นหลักฐานที่ยืนยันว่า ผู้เขียนข้ามผ่านเรื่องดีร้ายมาได้แล้ว และภูมิใจที่ตนเองพยายามใช้ชีวิตอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายใต้เงื่อนไขที่บีบรัดเช่นนั้น

“ลมที่กำลังพัดผ่านใบหน้าและขาแขนอยู่ตอนนี้ก็คงไม่ต่างจากอุปสรรคที่กำลังเคลื่อนผ่านเข้ามาในชีวิต มันกระโจนเข้าใส่อย่างไม่ลดละและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แก้ปัญหานี้ได้ ปัญหาใหม่ที่ใหญ่และท้าทายกว่าก็มารอต่อคิว ราวกับว่าปัญหาจะไม่มีวันหมดไป

“แต่ไม่ว่าจะยังไง การยอมแพ้ก็ไม่ใช่และไม่เคยใช่ทางออก ต่อให้หยุดวิ่ง สายลมก็ยังโหมกระหน่ำซ้ำเติมเราเช่นเดิม ต่อให้อยู่เฉย ปัญหาก็มีแต่จะงอกเงยไม่จบสิ้น เราทำได้เพียงเข้มแข็ง หมั่นเติมแรงและกำลังใจ จากนั้นก็ต้องวิ่งต่อไปด้วยความเชื่อมั่นและรอยยิ้ม”

เราไม่มีทางรู้เลยว่า สิ่งที่เราเลือกจะพาเราไปพบเจอกับอะไร แต่อย่าน้อยเนื้อต่ำใจที่ชีวิตมิได้เป็นดังหวังเสียทุกอย่าง ถึงกระนั้น ในเรื่องร้ายยังคงมีเรื่องดี ท่ามกลางคนไม่ดีก็ยังคงมีคนที่รักและหวังดีกับเรา 

ณ ตอนนี้ สิ่งที่กำลังเผชิญอาจจะดูเหมือนยากจนมองไม่เห็นทางออก แต่สักวันมันจะกลายเป็นแค่หลักฐานความเจ็บปวดที่เราก้าวข้ามผ่านมาได้ และสิ่งที่เราเลือกในอดีตจะสอนให้เรากลายเป็น ‘เรา’ ในปัจจุบัน และพร้อมออกเดินทางต่อไปในอนาคตอย่างมีภูมิคุ้มกัน

บางครั้งชีวิตคนเราก็เหมือนพลุในวันฝนตก เราต้องตะเกียกตะกายและทะยานตัวขึ้นสู่ฟ้า พร้อมฝ่าฟันแรงลมที่ถาโถมเข้ามา เพื่อเปล่งประกาย

ระยะทางอาจไกล แต่คงไปถึงจุดหมายในสักวัน

Writer | จุฬาลักษณ์ เดชะ

Illustrator | Arunnoon

‘การเติบโต’ เป็นเรื่องของเด็กๆ เท่านั้นหรือไม่ คนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังสามารถเติบโตได้อีกหรือเปล่า? Coming of Age การก้าวผ่านวัยที่หัวใจเติบโต

Coming of Age หรือการก้าวผ่านวัย อาจเป็นก้าวแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต เมื่อวัยรุ่นได้เรียนรู้ตนเองผ่านสถานการณ์ต่างๆ ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ความเชื่อ และตัวตนที่นำไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ผ่านบทเรียนต่างๆ ที่เข้ามาทดสอบชีวิตในช่วงเวลานี้

“จิตใจที่ยืดหยุ่นจะไม่มีวันแตกสลาย” – Albert Camus

ความยืดหยุ่น (Resilience) มักเป็นคำที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยครั้ง แต่อาจด้วยความที่ดูนามธรรม เลยทำให้เราคิดภาพตามไม่ค่อยออกว่าตกลงแล้ว ‘ความยืดหยุ่น’ ที่ว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร

เมื่อกายและใจเหนื่อยล้า ‘การเดินเข้าป่า’ อาจพบคำตอบ Forest Bathing การอาบป่าที่ชวนพาใจให้กลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะ

ในช่วงเวลาดีๆ อากาศเป็นใจ เราอยากชวนทุกท่านปลดปล่อยสัมภาระ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด ก่อนที่จะก้าวเท้าเข้าป่าไปสำรวจโลกใบใหม่ไปกับเรา