
แล้วอะไรนะ? ที่หมายถึง Mindfulness ที่แท้จริง
หากกล่าวคำว่า ‘Mindfulness’ คุณมักคิดถึงอะไร? สติสตางค์ การนั่งสมาธิ ความธรรมะธัมโม และอื่นๆ อีกมากมาย
ตั้งปณิธานรับปีใหม่ให้ทำได้จริงในระยะยาว
ด้วยสิ่งเล็กๆ ที่ดีต่อใจ
และไม่กดดันตัวเองมากไป
“สิ่งหนึ่งที่ทำให้การตั้งปณิธานรับปีใหม่ (New Year’s Resolution) ช่วยเติมพลังแรงให้เรามีชีวิตชีวาขึ้นได้มาก เป็นเพราะ เรารู้สึกว่าเราสามารถ ‘เริ่มต้นใหม่’ ได้ สามารถละทิ้งทุกความคาดหวังและเป้าหมายที่ยังไปไม่ถึง แล้วหันมาตั้งเป้าหมายกันใหม่ได้อีกครั้ง”
คำกล่าวนี้ของ โอมิด โฟทู (Omid Fotuhi) นักจิตวิทยาสังคม ช่วยปลอบประโลมใจผู้คน (รวมถึงเรา) ที่เพิ่งผ่านพ้นหลายความหนักอึ้ง และหลากความเหนื่อยยากมาตลอดปี 2024 ให้กลับมามีแรงใจพร้อมลุยต่อในปีใหม่ 2025 นี้ ซึ่งนี่แหละคือเหตุผลว่าทำไม หลายคนจึงมักพูดถึงการตั้งเป้าหมายหรือการปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างในชีวิตกันทุกๆ สิ้นปีจนถึงต้นปี
ง่ายๆ เลย ทุกคนแค่อยากมี ‘ชีวิตที่ดี’ และสบายใจมากขึ้นก็เท่านั้น โดยใช้การมีอยู่ของ New Year’s Resolution เป็นสิ่งเตือนใจหรือเครื่องรางนำโชคให้ตัวเองกลายๆ ว่า แม้ปีนี้จะทุกข์แค่ไหน แต่ปีหน้า… ก็ขอให้สุขมากขึ้น และเป็นดั่งใจให้ได้มากที่สุดก็พอ
เราเองก็เป็นหนึ่งคนที่ตั้งปณิธานแทบจะทุกปี บางเรื่องก็ทำได้ตามที่ตั้ง แต่บางเรื่องก็ทำไม่ได้ตามที่หวัง ช่วงหนึ่งเราก็นึกเสียใจและโทษตัวเองอยู่บ้างว่า ทำไมถึงทำสิ่งนั้น สิ่งนี้ไม่ได้ พยายามไม่พอ หรือแค่โลกไม่เข้าข้าง จนหลายปีเข้า บวกกับอายุที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี ก็ทำให้เราตกตระกอนบางอย่างขึ้นได้ว่า “ไม่มีอะไรที่เป็นดั่งใจเราทุกอย่าง” นั่นคือสัจธรรมโลก การตั้ง New Year’s Resolution ให้ดีต่อใจมากที่สุดคือ การพยายามให้เต็มที่ แต่ไม่ควรคาดหวังสูงเกินจนไม่รู้จักเผื่อใจให้ความผิดหวังในทุกๆ ครั้ง เพราะพอตกลงมา หรือเจอเหตุการณ์ที่ไม่เป็นตามที่หวัง เราจะเจ็บปวดมากไม่ใช่น้อย อีกทั้งการที่เรา ‘เคร่งเครียด’ กับการตั้งเป้าหมายมากไป จากที่เป้าหมายนั้นจะกลายเป็นแรงผลักดันให้เราทำบางอย่างเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีขึ้น มันอาจกลับกลายเป็นทำให้ความสุขในชีวิตเราหลุดลอยหายไปก็ได้
ดร.กาลิ ซอลทซ์ (Gail Saltz) รองศาสตราจารย์ด้านจิตเวชศาสตร์ที่โรงพยาบาลนิวยอร์กเพรสไบทีเรียน อธิบายว่า การตั้งเป้าหมายไว้สูงเกินไปมักจะมีโอกาสสำเร็จได้น้อยกว่า และการมุ่งหวังให้เห็นสำเร็จอย่างเร่งด่วน ก็มีแนวโน้มที่จะสำเร็จได้น้อยด้วยเช่นกัน และเมื่อเราไม่สามารถทำตามเป้าหมายได้ บางคนก็อาจจะดิ่งดาวน์เลยทันที ตามที่มิเชลล์ เติร์ก (Michelle Turk) นักบำบัดด้านการแต่งงานและครอบครัว กล่าวไว้ว่า การตั้งปณิธานที่เข้มงวดมากไปแล้วมันเฟล จะส่งผลต่อการเห็นคุณค่าในตัวเอง (self-esteem) และนำไปสู่การโทษตัวเอง (self-criticism) ตามมา
ดังนั้น การตั้งปณิธานเล็กๆ ที่ไม่ต้องใหญ่มาก แต่สิ่งนั้นสร้างผลกระทบที่ดีต่อชีวิตเราได้ แค่นั้น อาจเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่สำหรับเราแล้วก็ได้ สำหรับเราแล้ว การตั้งปณิธานแต่ละข้อในปีนี้ ขอแค่ทุกข้อที่ตั้งใจนั้น มันช่วยทำให้เรารักและเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้นก็พอ และเราก็อยากให้เพื่อนๆ นักอ่านทุกคน ตั้งปณิธานของตัวเองโดยลองตั้งมันจากความรักที่มีต่อตัวเอง โดยที่ไม่ลืมว่า เราเป็นคน มีหลายอารมณ์ความรู้สึก หากทำเต็มที่กับทุกสิ่งแล้ว แต่ไม่เป็นตามที่หวังทั้งหมด อย่างน้อย เรื่องน่าภูมิใจอีกหนึ่งอย่างที่ได้เรียนรู้จากตัวเองก็คือ “เราได้ลองทำเต็มที่แล้วนะ” ซึ่งนั่นก็เป็นความเก่งที่ควรยกเครดิตให้ตัวเองตัวโตๆ เลยล่ะ
การบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ หากจะทำได้ในระยะยาว อาจต้องเริ่มจากการที่ ‘อยากทำ’ เสียก่อน เพราะหากเริ่มจากการไม่อยากทำมันเลย ก็มีโอกาสที่เราจะล้มเลิกกลางทางได้ง่ายๆ กลับอีกกรณีหนึ่งคือ แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่อยากทำก็จริง แต่นั่นเป็นสิ่งที่ ‘ควรทำ’ เราก็ควรเอามาชั่งน้ำหนักกับตัวเองว่า สิ่งที่ควรทำนั้น มันคือการทำเพื่อตัวเอง หรือเพื่อคนอื่น หากเป็นการทำแล้วชีวิตเราจะดีขึ้น ถ้าเราคิดถึงความรู้สึกในอนาคตที่จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น ก็อาจทำให้เรามีแรงที่จะมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น ซึ่งผู้เขียนเอง ก็อยากให้หลายๆ คนเลือกตั้งลิสต์ปณิธานต่างๆ จากความเห็นอกเห็นใจในตัวเอง และเป็นสิ่งที่ทำเพื่อมอบความรักให้กับตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก เพราะ Self-love is the best love!
หากเราตั้งว่า จะกินอาหารที่มีประโยชน์มากกว่าปีที่แล้ว นั่นก็เป็นเพราะเราอยากเห็นตัวเองมีสุขภาพที่ดีมากขึ้น หากเราตั้งว่า จะออกกำลังกายมากขึ้น นั่นก็เป็นเพราะเราอยากเห็นตัวเองแข็งแรงมากขึ้น หากเราตั้งว่า จะให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตตัวเองมากขึ้น นั่นก็เป็นเพราะเราอยากจะใจดีกับตัวเองมากขึ้น หากเราตั้งว่า จะร้องไห้ออกมาตอนเศร้า นั่นก็เป็นเพราะเรายอมรับว่าตัวเองก็มีความรู้สึก และไม่จำเป็นต้องปกปิดมันอีกต่อไป หากเราตั้งว่า จะยิ้ม หัวเราะ และคิดบวกมากขึ้น นั่นก็เป็นเพราะเราอยากเห็นตัวเองไม่ลืมที่จะมองสิ่งดีๆ ท่ามกลางสิ่งแย่ๆ ที่อาจพบเจอ หากเราตั้งว่า จะโฟกัสกับความฝันและแพสชั่นของตัวเอง นั่นก็เป็นเพราะเราอยากเห็นตัวเองเป็นในสิ่งที่อยากเป็น หากเราตั้งว่า จะพยายามไม่ตอบงานหลักเลิกงานแล้ว! นั่นก็เป็นเพราะเราอยากสร้าง Work-life Balance ให้เรามีเวลาเพื่อตัวเองมากขึ้น หากเราตั้งว่า จะพยายามไม่อยู่ใกล้เหล่าคนท็อกซิก นั่นก็เป็นเพราะเรารักตัวเองมากพอ ที่จะไม่อนุญาตให้ใครมาทำร้ายจิตใจ หากเราตั้งว่า จะพยายามไม่เป็นคนท็อกซิกเอง นั่นก็เป็นเพราะเรายอมรับข้อผิดพลาดในอดีต แล้วพร้อมจะเป็นคนที่ดีขึ้นแล้ว หรือหากเราตั้งว่า จะหาเวลาไปสถานที่ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มพลังกาย พลังใจ นั่นก็เป็นเพราะเราอยากให้ตัวเองไปอยู่ในที่ที่มีความสุข จะได้มีแรงใช้ชีวิตต่อไป และอื่นๆ อีกมากมาย
ถ้าเป้าหมายที่ว่าของทุกคนเริ่มจากการรักตัวเอง ทำเพื่อตัวเอง และใจดีกับตัวเอง แม้ว่าปลายทางจะทำได้ หรือทำไม่ได้ตามที่ตั้งไว้ คุณก็ยังจะคงรักและใจดีกับตัวเองอยู่เหมือนเดิม เหมือนที่ เอลีน แอนเดอร์สัน (Eileen Anderson) ผู้อำนวยการด้านจริยธรรมทางชีวภาพและมนุษยศาสตร์ทางการแพทย์ แห่งมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยเคสเวสเทิร์นรีเสิร์ฟ ได้กล่าวกับ Cleveland.com และ The Plain Dealer ว่า การรักตัวเองมันมีอิทธิพลต่อเราได้ในระยะยาว เมื่อถึงวันที่ “แม้เราจะคาดการณ์ถึงความสำเร็จในระยะยาวต่างๆ ในวันข้างหน้าไว้ แต่เราก็ยังมีความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองเมื่อมีบางสิ่งผิดพลาดไป และยอมรับความจริงได้ว่าบางสิ่งมันก็พลาดกันได้จริงๆ” นั่นเป็นเพราะเราต่างเป็น ‘มนุษย์ธรรมดา’ ที่ไม่อาจควบคุมทุกอย่างตามที่ต้องการได้เสมอไป และแม้จะไม่เป็นไปตามเป้าหมายทุกอย่าง ก็ใช่ว่าเราจะไม่สามารถลุกขึ้นมาพัฒนาตัวเอง หรือสร้างเป้าหมายใหม่ๆ ให้ตัวเองได้อีก
ตราบใดที่เรายังมีความรักให้กับตัวเอง ทุกคนจะผ่านทุกเรื่องยากๆ ไปได้ พรปีใหม่นี้ที่เราอยากมอบให้ทุกคนจึงเป็นการขอให้ทุกคน ไม่ลืมที่จะรักตัวเอง และมองเห็นความเปล่งประกายในตัวเองมากขึ้นกว่าปีก่อนนะคะ 🙂
Writer | พัชญ์สิตา ไพบูลย์ศิริ
Illustrator | Arunnoon
หากกล่าวคำว่า ‘Mindfulness’ คุณมักคิดถึงอะไร? สติสตางค์ การนั่งสมาธิ ความธรรมะธัมโม และอื่นๆ อีกมากมาย
ในช่วงเวลาดีๆ อากาศเป็นใจ เราอยากชวนทุกท่านปลดปล่อยสัมภาระ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด ก่อนที่จะก้าวเท้าเข้าป่าไปสำรวจโลกใบใหม่ไปกับเรา
เคยไหม? ตื่นเช้ามาแล้วออกจากบ้านไปทำงานด้วยเอเนอร์จี้ที่ว่าฉันคือนางเอกในซีรีส์และเชื่อว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดี หรืออาจเคยนึกภาพตัวเราเองที่โดดเด่นท่ามกลางผู้คนหลากหลาย