The Present Move

จะเบญจเพส หรือ Young Adult แต่เราทุกคนล้วนจำเป็นต้องเติบโต

The Present Move | Mindful Global Citizens

“โบราณเขาว่าไว้
อายุ 25 จะตกเบญจเพสและฟาดเคราะห์
อาจมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ให้มีสติและระวังตัว”

เชื่อว่าคุณผู้อ่านหลายท่านที่เคยผ่านอายุ 25 ปีมา ย่อมต้องเคยได้ยินอะไรทำนองนี้ผ่านหู ผู้เขียนเองก็ไม่ต่างกัน ตอนอายุยังไม่เข้าใกล้มากนักพอได้ยินก็เชื่อบ้าง ไม่เชื่อบ้าง ฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง แต่พอใกล้ถึงช่วงเดือนเกิดทีไรใจมันก็อดตุ้มๆ ต่อมๆ และอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้สักที

“พอเบญจเพสมากถึงเราจะเจอเรื่องร้ายๆ ไหมนะ?” เป็นคำถามที่ก้องวนอยู่ภายในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ไม่ปฏิเสธเลยว่าช่วงโค้งสุดท้าย 7 วันก่อนจะถึงวันคล้ายวันเกิดนั้น ผู้เขียนระมัดระวังตัวสุดๆ แทบจะไม่คุยกับใคร ไม่ออกจากบ้านหากไม่จำเป็น มากไปถึง ‘กลัว’ ที่จะใช้ชีวิตและปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านั้นเป็นไปเองและไม่ได้ตั้งใจเท่าไรนัก

แม้ไม่มีตำราที่อ้างอิงบอกอย่างชัดเจน แต่ ‘เบญจเพส’ (เป็นคำที่มาจากศัพท์ภาษาบาลี ‘ปญฺจวีส’ หรือสันสกฤต ‘ปญฺจวิษฺต’ หมายถึง ‘ที่ยี่สิบห้า’) เป็นความเชื่อที่ฝังรากหยั่งลึกของคนไทยมาอย่างยาวนาน ว่ากันว่าเป็นช่วงที่อาจประสบเคราะห์บางอย่างที่อาจเปลี่ยนชีวิตของคนคนนั้นไปตลอดทั้งชีวิต อาจเป็นเหตุการณ์อุบัติเหตุร้ายแรง โชคร้ายง่าย และดวงตก นั่นจึงจำเป็นต้องป้องกันชีวิตและจิตใจอย่างดีที่สุดในทุกด้านเท่าที่จะทำได้

ซึ่งหากลองย้อนมองนั้น เราจะพบว่า อายุ 25 นอกจากจะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายและจิตใจเติบโตและเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วแล้วนั้น ยังเป็นช่วงที่เรียนจบและทำงานมาได้แล้วราว 1-2 ปี (ซึ่งแน่นอนว่า มิตรสหายหลายคนอาจกำลังตั้งตัวกับชีวิตได้แล้ว บางคนก็ซื้อบ้าน บางคนก็ดาวน์รถ บางคนก็ได้รับการโปรโมตเลื่อนขั้น ฯลฯ) เมื่อเรามองเห็น ‘ความมั่นคง’ บางอย่างกับคนรอบข้าง มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นก็อาจเป็นช่วงเวลาที่เราตั้งคำถามถึงเป้าหมายและความสำเร็จของตัวเองเช่นเดียวกัน

ซึ่งนอกเหนือไปจากความเชื่อเรื่องเบญจเพสของไทยแล้ว ในภาษาอังกฤษเองยังมีคำว่า ‘Young Adult’ ที่หมายถึงช่วงอายุ 18-25 ปีที่ก้าวผ่านวัยจากการเป็นวัยรุ่นและผู้ใหญ่เต็มตัว ซึ่งในช่วงขวบปีเหล่านี้ยังเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เราทุกคนจะได้ลองใช้ชีวิตในแบบที่อยาก ได้สำรวจตัวตนและสร้างอัตลักษณ์บางอย่างที่เป็นตัวของตัวเองออกมา ซึ่งแน่นอนว่าความสับสน มึนงง และวุ่นวายย่อมเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ และบาดแผลจากขวบวัยที่กำลังเติบโตนั้น แม้เมื่ออายุมากขึ้นย้อนกลับไปมองว่าวัยเยาว์นั้นช่างเขลาขลาด หากแต่นั่นก็อาจเป็นบทเรียนสำคัญที่หล่อหลอมให้เราเป็นเรา

แน่นอนว่าช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่สนุกสนาน หากแต่แสนเปราะบาง ความลึกซึ้งบางอย่างที่เคยได้สัมผัสและดำดิ่งในช่วงเวลาเหล่านั้นช่างยากจะลืมเลือน แม้นานวันเข้า กาลเวลาจะผ่านไป แต่สิ่งเหล่านั้นอาจไม่จางหายไปจากตัวตนและจิตใจ

ซึ่งหากลองดูตามคำนิยามเช่นนี้ ไม่แปลกเลยที่เมื่ออายุเข้า 25 เราอาจกลัวการเปลี่ยนแปลง เพราะมันคือช่วงเวลาที่ต้องบอกลาซึ่งความวัยเยาว์ และก้าวต่อไปในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง เป็นปกติที่เราอาจกังวลเมื่อสูญเสียบางอย่างไป แต่อยากให้เชื่อว่าทุกการเปลี่ยนแปลงมันจะพาเราไปเจออะไรที่ดีกว่าเสมอ

ไม่ว่าจะเบญจเพสหรือไม่ แต่เราทุกคนล้วนเติบโตกันไปในทุกวันวัย เราตั้งคำถาม แสวงหาคำตอบ หกล้มเพื่อเรียนรู้ ก้มดูบาดแผลเพื่อเติบโตไปตามที่ใจมุ่งหวังไม่ต่างจากกัน

เพราะฉะนั้น การใช้ชีวิตให้สนุกและเป็นปกติที่สุดอาจเป็นอะไรที่สำคัญกว่า และอาจลองทำความเข้าใจว่า ความมั่นคงอาจไม่มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงเสมอไป หากแต่การเรียนรู้ผ่านการใช้ชีวิตในแต่ละวันวัยไม่ใช่เพียงแค่ปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไป

Writer | ภาพตะวัน

Illustrator | Arunnoon

คุยกับ Hear & Found ถึงชีวิตที่เรียนรู้ผ่าน ‘เสียง’ เพราะหากเพียงใช้แค่ตามอง เราอาจพลาดสิ่งสำคัญบางอย่างไป

ในขวบปีที่ 6 นั้น Hear & Found เป็นที่รู้จักของหลายคนในหลากหลายนิยาม นักเก็บเสียงจากชนเผ่าและคนกลุ่มน้อย เจ้าของแพลตฟอร์มที่รวบรวมเสียงเหล่านั้นมาเผยแพร่ ผู้จัดงานคอนเสิร์ตดนตรีชาติพันธุ์ ฯลฯ เมกับรักษ์บอกเราว่าที่ร่ายมานี้ถูกต้องทั้งหมด

ใช้ชีวิตวันนี้ มีความสุขวันนี้ ชวนรู้จัก ‘Stoic’ ปรัชญาสามัญประจำบ้าน ที่ชวนให้เราไม่หวั่นไหวแม้มีอะไรมากระทบ

หลายคนอาจเคยได้ยิน ‘ปรัชญาสโตอิค’ (Stoic Philosophy) อย่างหนาหูตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ ว่ากันว่าปรัชญาสายนี้เป็นปรัชญาแห่งความ ‘ช่างแม่ง’ ที่เสนอว่าให้เราสนใจเพียงแค่สิ่งที่เราควบคุมได้ และปล่อยวางกับสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้

เติมเต็มชีวิตและสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับ ‘ครอบครัวทางใจ’

เคยรู้สึกเหงาใจ มีเรื่องราวอยากจะแบ่งปันกับใครสักคน แต่ไม่รู้จะไปบอกใครไหม? การมีใครสักคนอยู่เคียงข้าง คอยรับฟัง และเข้าใจความรู้สึกของเรา มันช่างเป็นเรื่องราวอบอุ่นใจเหลือเกิน