The Present Move

เน้นซื้อ ไม่เน้นอ่าน ชวนรู้จัก ‘Tsundoku’ ศิลปะแห่งการดองหนังสือที่แค่ได้ซื้อก็รู้สึกดี

The Present Move | Mindful Global Citizens

ถ้าการซื้อหนังสือแล้วไม่อ่านเป็นกีฬา
ฉันคงเป็นคนที่ได้เหรียญทองมากที่สุด🥇📚

ไหนๆ ก็เข้าสู่เดือนตุลาคมที่เหล่าหนอนหนังสืออย่างเรารอคอย เพราะว่างานงานมหกรรมหนังสือระดับชาติเวียนวนกลับมาอีกครั้ง! 

ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจลิสต์รายชื่อหนังสือที่ต้องการ เพื่อบุกงานหนังสือฯ เติมสต๊อกหนังสือใหม่เข้ากองดอง แต่เมื่อหันกลับมามอง เฮ้ย ที่ซื้อมาก่อนยังไม่ได้อ่าน

หากคุณเป็นอีกคนที่เข้าวงการ ‘เน้นซื้อ ไม่เน้นอ่าน’ แสดงว่าคุณอาจเป็นอีกคนที่มีพฤติกรรมที่เรียกว่า ‘ซึนโดคุ’ (Tsundoku) ซึ่งมาจากคำว่า tsunde-oku (ซึนเดะ-โอคุ) ที่หมายถึงพฤติกรรมการซื้อของมาก่อน แล้วใช้ที่หลัง กับคำว่า dokusho (โดคุโช) ที่แปลว่า การอ่าน ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว Tsundoku จึงหมายถึง การซื้อหนังสือเป็นจำนวนมาก และเก็บไว้โดยตั้งใจว่าจะอ่าน แต่ยังไม่ได้อ่าน

ตามคำบอกเล่าของ ศาสตราจารย์แอนดรูว์ เกิร์สเทิล เล่าว่า จริงๆ แล้วคำว่า Tsundoku ปรากฏครั้งแรกในปี 1879 โดยมีความหมายเชิงเสียดสีเกี่ยวกับครูหรืออาจารย์ที่มีหนังสือมากมาย แต่กลับไม่ยอมอ่าน พูดง่ายๆ คือ การซื้อหนังสือและวางไว้เฉยๆ โดยยังไม่ได้อ่าน แม้ความหมายจะฟังดูเชิงลบ ทว่า ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับคำนี้ 

ในฝั่งฟากโลกตะวันตกยังมีอีกหนึ่งคำที่ให้ความหมายใกล้เคียงกัน นั่นคือ ‘Bibliomania’  ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกพฤติกรรมความหลงใหลการสะสมหนังสือ มีความสุขกับการได้ครอบครองหนังสือเล่มใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหายาก หนังสือเก่าหรือหนังสือที่เกี่ยวกับความสนใจของตัวเอง ทั้งหมดนี้เป็นการซื้อเพื่อสะสม โดยไม่มีความตั้งใจที่จะอ่านตั้งแต่แรก 

ในมุมของจิตวิทยา มนุษย์ทุกคนต่างมีนิสัยชอบสะสมหรือหวงแหนบางสิ่งบางตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นของเล่น แสตมป์ มือถือเก่าที่ใช้งานไม่ได้แล้ว หรือหนังสือ เมื่อมาถึงจุดที่คุณเติบโตและมีกำลังทรัพย์มากพอ มีของสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ตามมาคือ การสร้างมุมโปรดในบ้าน และทำให้มุมนั้นเป็น Safe Zone ทางใจ ดังนั้น หนังสือทุกเล่มจึงเป็นดั่งขุมทรัพย์อันล้ำค่า หนังสือแต่ละเล่มได้มาจากการลงทุนลงแรงและมีที่มาที่ไป ทำให้การซื้อหนังสือกลายเป็นงานอดิเรกที่มีคุณค่าทางใจอย่างหนึ่ง

นอกจากนี้ การสะสมหนังสือยังช่วยเพิ่มความสุขและลดความเครียดได้ เพราะช่วยให้คุณมีจุดโฟกัสที่ช่วยผ่อนคลายจากความเครียดในชีวิตประจำวัน เช่น ในวันเหนื่อยๆ แค่ได้นั่งมองชั้นวางที่เต็มไปด้วยหนังสือก็สร้างความพึงพอใจสายตา รู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังเติบโต และมีสิ่งที่รอให้เรียนรู้อยู่มากมายในอนาคต แม้จะยังไม่ได้อ่านก็ตาม 

อย่างไรก็ดี พฤติกรรม ‘เน้นซื้อ ไม่เน้นอ่าน’ ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับคุณ แต่เกิดขึ้นกับเหล่านักอ่านทั่วโลก ส่วนหนึ่งมาจากภาระงาน ความรับผิดชอบ และความเครียดที่เพิ่มมากขึ้นตามการเติบโต ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน การดูแลครอบครัว หรือแม้แต่การท่องโลกโซเชียล เล่นเกม ดูซีรีส์ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนทำให้เรามีเวลาในการอ่านน้อยลง

ซึ่งอันที่จริงแล้วนั้นไม่ว่าจะการอ่านหรือการสะสมหนังสือเป็นเรื่องที่ดีทั้งคู่ แต่การสะสมหนังสือโดยไม่ได้อ่านอาจกลายเป็นปัญหาได้ ซึ่งการจัดการกับซึนโดคุนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กน้อย ก็สามารถเปลี่ยนจากนักสะสมหนังสือให้กลายเป็นนักอ่านตัวยงได้แล้ว โดยอาจเริ่มจากวิธีง่ายๆ ดังนี้

  1. ตั้งเป้าหมายในการอ่าน : การตั้งเป้าหมายเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้เราอ่านหนังสือได้สม่ำเสมอมากขึ้น กำหนดจำนวนหนังสือที่ต้องการอ่านในแต่ละวัน แต่ละเดือน จะทำให้เห็นความคืบหน้าของตัวเอง หากเป้าหมายดูใหญ่เกินไป ลองแบ่งเป็นเป้าหมายย่อยที่เล็กกว่า เช่น อ่านหนังสือให้จบเดือนละ 1 เล่ม นอกจากนี้ การเลือกหนังสือที่ตรงกับความสนใจของเราก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน
  2. จัดระเบียบหนังสือ : การจัดระเบียบในที่นี้ หมายถึง การจัดหมวดหมู่หนังสือตามประเภท หรือตามผู้เขียน เพื่อช่วยให้เราค้นหาหนังสือที่ต้องการได้ง่ายขึ้น รวมถึงการบริจาคหรือขายหนังสือที่ไม่ต้องการแล้ว เพื่อลดจำนวนกองดองที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต
  3. เปลี่ยนรูปแบบการอ่าน : ปัจจุบันมีชมรมหรือคลับเล็กใหญ่สำหรับนักอ่านมากมาย การเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดและส่งต่อแรงบันดาลใจจากกลุ่มคนที่มีความสนใจเหมือนกันได้ 

อย่างไรก็ตาม บทความนี้ไม่ได้บอกให้คุณเลิกซื้อหนังสือ แต่เป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการอ่านให้เกิดประโยชน์สูงสุด การตั้งเป้าหมาย การจัดระเบียบ และการเลือกวิธีการอ่านที่เหมาะสม จะช่วยให้เราสามารถเพลิดเพลินกับการอ่านหนังสือได้อย่างเต็มที่ได้เช่นเดียวกัน

และขอให้ทุกท่านสนุกกับการอ่านและเลือกซื้อหนังสือในงานสัปดาห์หนังสือที่จะมาถึงกันนะคะ

แบกไว้เต็มบ่า ไม่รู้จะพึ่งใคร รู้จักภาวะ Hyper-independence ใจอ่อนล้าเพราะพึ่งพาตัวเองมากเกินไป

ถ้าตอนนี้คุณมีอาการปวดบ่า คอ ไหล่ หากไม่ใช่อาการของออฟฟิศซินโดรม ก็อาจเกิดจากการเป็น ‘เดอะแบก’ ที่คอยแบกรับเรื่องราวปัญหาหรือภาระต่างๆ ไว้จนหนักเต็มบ่า

Lagom ปรัชญาว่าด้วยทางสายกลางที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป เพราะความ ‘พอดี’ นั้นดีที่สุด

เพราะความพอดีอาจไม่ได้มีหน้าตาที่ตายตัวแต่เป็นความรู้สึกที่เราย่อมสัมผัสกับมันได้เมื่อเกิดความพอดีที่แท้จริง