
มีคนรู้ใจแล้วค่ะ คนนั้นคือ ‘ตัวฉัน’ Self-partnered ความสัมพันธ์แบบที่มีตัวเองเป็นคนรักและคนรู้ใจ
ปี 2024 ที่กำลังจะย่างก้าวเข้าปี 2025 แบบนี้ เราทุกคนควรจะเข้าใจกันอย่างเป็นปกติว่า ‘การเป็นคนโสด’ เป็นสิ่งที่ ‘เลือกได้’ ไม่ได้ผิดแปลก
“ผู้คนไม่ได้เป็นทุกข์เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เป็นทุกข์เพราะความเห็นของพวกเขาที่มีต่อสิ่งที่เกิดขึ้น”
หนึ่งในประโยคจาก ‘เอพิคเททัส’ (Epictetus) นักปรัชญาสายสโตอิคชาวกรีกโบราณที่เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับความนิยมทางด้านความคิดมากที่สุดได้กล่าวเอาไว้ ซึ่งสำหรับผู้เขียนแล้วนั้นประโยคนี้เป็นการบอกเล่าถึงแนวคิดแบบ ‘สโตอิค’ ได้เป็นอย่างดี
หลายคนอาจเคยได้ยิน ‘ปรัชญาสโตอิค’ (Stoic Philosophy) อย่างหนาหูตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ ว่ากันว่าปรัชญาสายนี้เป็นปรัชญาแห่งความ ‘ช่างแม่ง’ ที่เสนอว่าให้เราสนใจเพียงแค่สิ่งที่เราควบคุมได้ และปล่อยวางกับสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ แต่หลากหลายสื่อออนไลน์ก็ได้นำเสนอว่า ‘สโตอิค’ อาจไม่ใช่เพียงแค่ความ ‘ช่างแม่ง’ อย่างผิวเผินแบบที่ใครหลายคนเข้าใจ หากแต่ยังมีความลึกซึ้งมากกว่านั้นเพราะต้องทำงานกับความคิดและความเป็นไปภายในจิตใจของเรา
‘สโตอิค’ เป็นแนวคิดหนึ่งที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวกรีกที่มีอายุมากกว่า 2 พันปี โดยที่ชื่อ ‘สโตอิค’ มาจาก ‘สโตอา’ (Stoa) สถานที่สอนปรัชญากลางกรุงเอเธนส์
ซึ่งในช่วงเวลาของการเกิดแนวคิดสโตอิคนั้นเป็นช่วงที่ชาวกรีกกำลังยากลำบากท่ามกลางบริบทที่โลกยุคกรีก-โรมันกำลังแตกสลาย ชีวิตของผู้คนกำลังสั่นคลอนในช่วงเวลาที่บ้านเมืองกำลังเกิดการเปลี่ยนผ่านครั้งยิ่งใหญ่ ท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวายที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร
สิ่งที่น่าสนใจอย่างมากคือนักปราชญ์คนสำคัญของสโตอิคอย่าง ‘เอพิคเททัส’ ที่เรายกคำพูดของเขามากล่าวในช่วงต้นนั้น เขามีชาติกำเนิดเป็นทาส ซึ่งนั่นอาจแปลกไปจาก ‘นักปราชญ์’ ในแบบฉบับที่เรามักเข้าใจและมีภาพจำที่ตายตัว โดยที่ปรัชญาสโตอิคนั้นเป็นผู้ที่ได้รับมรดกทางความคิดจาก ‘โสเครตีส’ (Socrates) โดยเฉพาะแนวคิดที่ว่า
ประโยชน์ที่แท้จริงของมนุษย์มาจากคุณค่าภายใน ซึ่งได้แก่ คุณภาพของ ‘จิตใจ’ และ ‘ปัญญา’
ซึ่งใจความสำคัญคือให้เราแยกให้ออกระหว่างสิ่งที่อยู่ในอำนาจของเราและสิ่งที่ไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของเรา
เป้าหมายสำคัญของปรัชญาสโตอิคคือ ‘การรักษาใจ’ ซึ่งหากในโลกนี้มีแนวคิดทางปรัชญามากมายให้เราได้ศึกษา ค้นคว้า และถกเถียง ปรัชญาสโตอิคก็อาจคล้ายเป็น ‘ยาสามัญประจำบ้าน’ ที่ให้เราได้ลองศึกษาและปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน
ใจความสำคัญหลักคือการ ‘จัดการความคิด’ ภายในของตัวเราเอง ซึ่งนั่นจะช่วยลดความกังวลที่เกิดขึ้นได้ สโตอิคบอกกับเราว่าปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นทางใจอาจเป็นเพราะเราให้น้ำหนักกับความคิดบางอย่างมากเกินไปที่ในบางครั้งสิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของตัวเรา
อีกทั้ง ‘ความรู้สึก’ ของเรานั้นยังเป็นสิ่งที่ ‘เลือกได้’ ผ่านการเลือกอย่างสมเหตุสมผล ไม่หวังอะไรจากโลกภายนอกเกินไป และไม่หวั่นไหวเมื่อมีเหตุการณ์รุนแรงอะไรมากระทบ
นั่นอาจกล่าวได้ว่า ทั้งหมดทั้งมวลนั้นอาจไม่ใช่แค่การ ‘ช่างแม่ง’ แล้วจบไปเสียดื้อๆ แต่ยังเป็นการที่ช่วยให้เราได้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นและมากระทบ ได้ทำความเข้าใจกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในว่ามีความเป็นมาอย่างไรอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพราะตัวตนที่แท้จริงของเราคือจิตของเรา ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเราอย่างแท้จริง
ซึ่งเราอาจนำแนวทางของสโตอิคมาดูแลจิตใจของเราได้อย่างเรียบง่าย เช่นดังตัวอย่างต่อไปนี้
นี่คือปรัชญารักษาใจที่เราอยากนำมาฝากทุกท่านในวันนี้ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนสามารถก้าวผ่านวันยากๆ ไปได้ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งไม่อ่อนไหวแม้มีอะไรมากระทบนะคะ
ปี 2024 ที่กำลังจะย่างก้าวเข้าปี 2025 แบบนี้ เราทุกคนควรจะเข้าใจกันอย่างเป็นปกติว่า ‘การเป็นคนโสด’ เป็นสิ่งที่ ‘เลือกได้’ ไม่ได้ผิดแปลก
“โบราณเขาว่าไว้ อายุ 25 จะตกเบญจเพสและฟาดเคราะห์ อาจมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ให้มีสติและระวังตัว” เชื่อว่าคุณผู้อ่านหลายท่านที่เคยผ่านอายุ 25 ปีมา ย่อมต้องเคยได้ยินอะไรทำนองนี้ผ่านหู ผู้เขียนเองก็ไม่ต่างกัน
แม้ว่าปัญหาของความอยากหรือไม่อยากนั้น อาจจบลงได้ง่ายๆ เพียงแค่ ‘ยอมรับ’ แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคก็คือ มุมมองหรือทัศนคติของคนส่วนใหญ่ที่มีต่อคำว่า ‘ยอมรับ’ มักอยู่ในบริบทที่ไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะ ‘ยอมรับผิด’ หรือ ‘ยอมรับความพ่ายแพ้’