
Very Demure, Very Mindful สงบ สง่า อย่างมีสติ เราเรียนรู้อะไรได้บ้างจากเทรนด์ไวรัลนี้
ใครที่เล่น TikTok ช่วงเดือนที่ผ่านมา น่าจะผ่านตาคลิปวิดีโอสาวผิวสี ผมบลอนด์ ที่ออกมาแนะนำการวางตัวของสาวยุคใหม่ จนกลายเป็นไวรัลที่มีคนนำไปแชร์ต่อกันอย่างแพร่หลาย
สวัสดีเขียดผู้มีแกกทุกท่าน เชื่อว่า ‘จิตตุงแป่ง’ น่าจะเป็นคำที่หลายคนได้ยินอย่างหนาหูในช่วงเดือนที่ผ่านมา ด้วยการผวนคำที่ติดตลกอันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของคนไทย จนกลายมาเป็นคำขำขันประจำวงบทสนทนา
เราอาจจะพอรู้กันอยู่บ้างว่า ‘จิตตุงแป่ง’ เป็นคำที่ผวนมาจาก ‘จิตปรุงแต่ง’
ซึ่งหมายถึง การที่เราสรรค์สร้างจินตนาการเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้นมา โดยมีอารมณ์และความรู้สึก เช่น รัก โลภ โกรธ หลง ฯลฯ เข้าร่วมอยู่ด้วย ซึ่งบริบทที่ใช้คำนี้มักเป็นการแซวเชิงขำๆ เพื่อเป็นการบอกว่าสิ่งที่กำลังคิดหรือทำอยู่นั้นอาจไม่เป็นความจริงไปเสียทีเดียว ตัวอย่างที่เห็นภาพที่สุดที่หลายคนหยิบยกมาก็คงไม่พ้นการที่ใครสักคนบอกว่าเห็นผีหรือวิญญาณ, การกังวลว่าลางร้ายกำลังจะมาล่วงหน้าทั้งที่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิด หรือกระทั่งการชงชิปคู่จิ้นในจินตนาการของเหล่าแฟนคลับหลากหลายแฟนด้อม
แต่อันที่จริงแล้ว ‘จิตปรุงแต่ง’ มีความลึกซึ้งมากกว่านั้น
หากกล่าวถึงในเชิงหลักคำสอน จิตปรุงแต่งเป็นคำสอนหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาพูดในหลายต่อหลายครั้ง เพื่อให้เรารู้เท่าทันสติและความนึกคิดของตัวเอง
รู้ว่าสิ่งใดที่ ‘เป็นจริง’ ในตอนนี้ และอะไรคือ ‘ภาพลวงตา’
เข้าใจว่าอะไรคือ ‘ความคิด’ อะไรคือ ‘ความกังวล’
ฝึกแยก ‘ข้อเท็จจริง’ กับ ‘ความคิดเห็น’ ให้ออกจากกัน
แล้วค่อยคิดพิจารณากันไปทีละส่วน
เป็นปกติธรรมดาที่ในหนึ่งวันเราจะมีหลายอารมณ์และความรู้สึก เพราะว่าตลอด 24 ชั่วโมงในแต่ละวันนั้น ก็ย่อมมีหลากหลายเหตุการณ์เข้ามากระทบ มีหลายสิ่งอย่างที่ต้องกระทำ และมีคนอีกมากหน้าหลายตาที่เราต้องพบปะและมีปฏิสัมพันธ์ด้วย
ทั้งหมดทั้งมวลล้วนก่อให้เกิดมวลความคิดและความรู้สึกที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่อะไรบางอย่างอาจไม่เป็นใจเท่าไรนัก
ในทางจิตวิทยาแนวพุทธ (Bhuddhist Psychology) ซึ่งเป็นการนำศาสตร์จิตวิทยามาผนวกกับแนวคิดทางพุทธศาสนาเพื่ออธิบายกระบวนการเกิดและการดับของความทุกข์ มีข้ออธิบายที่สอดคล้องกับสภาวะจิตปรุงแต่งเอาไว้อย่างน่าสนใจถึง ‘อุเบกขา’ (Equanimity) ที่หมายถึง สภาวะรู้เท่าทันความคิด และรับรู้ถึงการมีอยู่ของอารมณ์และความรู้สึกเหล่านั้น แต่ไม่ตกอยู่ในอำนาจความรู้สึกใดเป็นพิเศษ
(หรือเราอาจเรียกง่ายๆ เป็นภาษาชาวบ้านว่า “อย่าอินเกิน”)
โดยที่การรับรู้ดังกล่าวเราจะรับรู้ได้ผ่าน ‘อายตนะ’ ทั้ง 6 ได้แก่ ตา-ดู, หู-ฟัง, จมูก-ดมกลิ่น, ลิ้น-รับรส, กาย-สัมผัส และใจ-รู้สึก ที่ทั้งหมดนี้จะทำงานเชื่อมต่อกันกลายเป็นประสาทสัมผัสในร่างกายของเราเหล่านี้ประกอบกันผ่านการรับรู้ทุกชั่วขณะ
รู้สึก > ซึมซับ > และยอมรับ
ไปทีละขั้นตอนอย่างช้าๆ
แยกแยะให้ออกว่าสิ่งที่กำลังประสบพบเจอหรือรู้สึกในตอนนี้คืออะไร ถึงหลายสิ่งอย่างอาจเป็นอะไรที่เราควบคุมไม่ได้ และการใช้ชีวิตอย่างเท่าทันและเข้าใจความรู้สึกตัวของเราอาจทำได้ยาก
แต่การที่เรารับรู้และเข้าใจตัวเราเองอย่างดีอยู่ตลอด ก็ย่อมเป็นอะไรที่ทำให้เราหมุนตามความปรวนแปรของโลกได้ทัน โดยที่ไม่สูญเสียหรือร่วงหล่นไปจากความเป็นตัวเอง
“จิตปรุงแต่งไม่ผิด แต่ขอให้มี ‘สติรู้ตัว’ กับความคิดว่าตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงตุงแป่ง”
เป็นกำลังใจให้ชาวจิตตุงแป่งทุกคนค่ะ : D
Writer | ภาพตะวัน
Illustrator | Arunnoon
ใครที่เล่น TikTok ช่วงเดือนที่ผ่านมา น่าจะผ่านตาคลิปวิดีโอสาวผิวสี ผมบลอนด์ ที่ออกมาแนะนำการวางตัวของสาวยุคใหม่ จนกลายเป็นไวรัลที่มีคนนำไปแชร์ต่อกันอย่างแพร่หลาย
บางครั้งสิ่งที่เราต้องการนั้นก็อาจเป็นเพียงแค่กำลังใจ หรือคำพูดดีๆ จากใครสักคนที่ปลอบประโลมเราในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
ขอแนะนำทางเลือกหนึ่ง เพื่อเป็นอีกแรงเสริมให้ทุกคนรักและรู้สึกดีกับตัวเอง (self-love) ด้วยข้อคิดจากภาพยนตร์ที่เราหยิบยกมาให้ดูกันในวันนี้